xs
xsm
sm
md
lg

คาดบาทแกว่ง 33.80-34.20 รอแผนกู้วิกฤตการเงินสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเงินบาทสัปดาห์นี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 33.80-34.20 บาทต่อดอลล์ จับตาปัจจัยต่างประเทศโดยแผนการกอบกู้สถาบันการเงินของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงเป็นส่วนของการเมืองและการเข้าดูแลของแบงก์ชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินเงินทิศทางตลาดเงินสัปดาห์นี้ โดยธนาคารพาณิชย์จะมีการทยอยเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน ขณะเดียวกัน คาดว่าตลาดคงจะจับตาแผนการให้ความช่วยเหลือของทางการสหรัฐฯที่มีต่อสถาบันการเงินที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินไทยน่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงระดับ 3.75%

ส่วนเงินบาทในประเทศอาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.80-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยนอกจากปัจจัยในประเทศ ได้แก่ สถานการณ์การเมือง และสัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพตลาดของ ธปท.แล้ว คงจะต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับแผนการกอบกู้สถาบันการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ รวมไปถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญเช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี ISM ภาคการผลิต และภาคบริการ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ จัดทำโดย Conference Board เดือนกันยายน ตลอดจนรายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน และรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนสิงหาคม

สำหรับเงินบาทในประเทศในสัปดาห์ก่อนขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยได้รับแรงหนุนในช่วงต้นสัปดาห์จากความอ่อนแอของเงินดอลลาร์ฯ และแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ อย่างหนักของผู้ส่งออก หลังจากเงินบาทแข็งค่าผ่านระดับสำคัญที่ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม เงินบาทได้ลดช่วงบวกลงในช่วงกลางสัปดาห์หลังจากไม่สามารถปรับตัวแข็งค่าผ่านแนวต้านสำคัญที่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ประกอบกับมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า เป็นการเข้าแทรกแซงของ ธปท. เงินบาทปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ระดับประมาณ 33.92 (ตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า

นอกจากนี้ ในส่วนของเงินเยนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินเยนปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการกอบกู้บริษัทด้านการเงินวงเงิน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังถูกกดดันจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาน้ำมันในตลาดโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เงินเยนต้องลดช่วงบวกบางส่วนลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นจากความหวังว่า สภาคองเกรสจะอนุมัติแผนกอบกู้สถาบันการเงินในอนาคตอันใกล้ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้แถลงต่อสภาคองเกรสว่า ความล่าช้าของแผนการดังกล่าวอาจสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการเข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์มูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีของสหรัฐฯ ตลอดจนมาตรการขยายข้อตกลงสวอปสกุลเงินของเฟดกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ สำหรับในวันศุกร์ เงินเยนขยับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งมายืนที่ระดับประมาณ 105.38 (ตลาดยุโรป) เทียบกับระดับ 107.42 เยนต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 กันยายน) หลังจากผู้นำสภาคองเกรสกล่าวภายหลังการประชุมฉุกเฉินกับทำเนียบขาวว่า อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการทำข้อตกลงเกี่ยวกับแผนกอบกู้ภาคการเงิน ขณะที่ ข่าวการเข้าซื้อกิจการวอชิงตัน มิวชวลของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และถ้อยแถลงของนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส ที่สะท้อนถึงความจำเป็นของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งมีความเร่งด่วนน้อยลงภายใต้สภาวะความเสี่ยงของภาคการเงิน ก็เป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น