ธปท.เผยเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชีย นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่า 0.8% ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และยังไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติ ส่วนเงินบาทวานนี้ทรงตัวรอผลการประชุมสภาคองเกรส ระบุหากอนุมัติเงินช่วยเหลือสถาบันการเงินจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ส่วนเงินบาทในช่วงนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ยังคงเกาะกลุ่มไปกับประเทศในแถบภูมิภาค และยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ผิดปกติ
“นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 0.8% เมื่อเทียบกับประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเงินบาทไม่ได้อ่อนหรือแข็งกว่าประเทศอื่นๆ โดยค่าเงินหยวนของจีนแข็งกว่า ขณะที่ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่ากว่าเรา ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งบางหรืออ่อนบ้างในบางวัน ถือเป็นเรื่องปกติ”
"การเคลื่อนไหวของเงินบาทไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้หวือหวา และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด" นางผ่องเพ็ญกล่าว
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.94-33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบที่ 33.95-33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักจากวันก่อนหน้า และเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาค เนื่องจากรอความชัดเจนมาตรการช่วยเหลือของสหรัฐฯ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าจะผ่านการเห็นชอบของสภาคองเกรสหรือไม่
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวว่า เงินบาทวานนี้ปิดตลาดในช่วงเย็นที่ระดับ 33.92-33.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงของวันมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ปริมาณการทำธุรกรรมค่อนข้างน้อย ซึ่งเป็นเพราะว่าตลาดยังรอผลการตัดสินของสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่าจะอนุมัติเงินเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินหรือไม่ โดยเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 33.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"เงินบาทค่อนข้างนิ่ง ปริมาณการทำธุรกรรมน้อย ส่วนหนึ่งรอข่าวเกี่ยวกับสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ซึ่งประเทศต่างๆก็ล้วนรอผลการตัดสินใจอันนี้ อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่เงินบาทแข็งค่านั้น ได้มีการทำธุรกรรมไปมากแล้วด้วย"
สำหรับสัปดาห์หน้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับข่าวที่ออกมาว่าจะมีการอนุมัติหรือไม่ หากมีการอนุมัติก็จะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินบาทก็จะอ่อนค่าลงบ้าง ทั้งนี้ ประเมินค่าเงินบาทช่วงต้นสัปดาห์น่าจะอยู่ในกรอบ 33.85-34.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"ปัจจัยอื่นๆอย่างตัวเศรษฐกิจรายเดือนที่จะออกมาหรืออะไรก็มี แต่ปัจจัยที่อิทธิพลอยู่ในตอนนี้คือเรื่องการตัดสินใจของคองเกรส จึงต้องดูปัจจัยนี้เป็นหลักก่อน"
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ส่วนเงินบาทในช่วงนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ยังคงเกาะกลุ่มไปกับประเทศในแถบภูมิภาค และยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ผิดปกติ
“นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 0.8% เมื่อเทียบกับประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเงินบาทไม่ได้อ่อนหรือแข็งกว่าประเทศอื่นๆ โดยค่าเงินหยวนของจีนแข็งกว่า ขณะที่ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่ากว่าเรา ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งบางหรืออ่อนบ้างในบางวัน ถือเป็นเรื่องปกติ”
"การเคลื่อนไหวของเงินบาทไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้หวือหวา และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด" นางผ่องเพ็ญกล่าว
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.94-33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบที่ 33.95-33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักจากวันก่อนหน้า และเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาค เนื่องจากรอความชัดเจนมาตรการช่วยเหลือของสหรัฐฯ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าจะผ่านการเห็นชอบของสภาคองเกรสหรือไม่
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวว่า เงินบาทวานนี้ปิดตลาดในช่วงเย็นที่ระดับ 33.92-33.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงของวันมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ปริมาณการทำธุรกรรมค่อนข้างน้อย ซึ่งเป็นเพราะว่าตลาดยังรอผลการตัดสินของสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่าจะอนุมัติเงินเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินหรือไม่ โดยเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 33.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"เงินบาทค่อนข้างนิ่ง ปริมาณการทำธุรกรรมน้อย ส่วนหนึ่งรอข่าวเกี่ยวกับสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ซึ่งประเทศต่างๆก็ล้วนรอผลการตัดสินใจอันนี้ อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่เงินบาทแข็งค่านั้น ได้มีการทำธุรกรรมไปมากแล้วด้วย"
สำหรับสัปดาห์หน้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับข่าวที่ออกมาว่าจะมีการอนุมัติหรือไม่ หากมีการอนุมัติก็จะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินบาทก็จะอ่อนค่าลงบ้าง ทั้งนี้ ประเมินค่าเงินบาทช่วงต้นสัปดาห์น่าจะอยู่ในกรอบ 33.85-34.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"ปัจจัยอื่นๆอย่างตัวเศรษฐกิจรายเดือนที่จะออกมาหรืออะไรก็มี แต่ปัจจัยที่อิทธิพลอยู่ในตอนนี้คือเรื่องการตัดสินใจของคองเกรส จึงต้องดูปัจจัยนี้เป็นหลักก่อน"
