เงินบาทวานนี้อ่อนค่าต่อเนื่องปิดที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลล์ แจงเหตุดอลล์กลับแข็งค่าหลังราคาน้ำมัน-ทองคำร่วง ขณะที่ภาคการเมืองในประเทศปั่นป่วนหลัง “สมัคร” ตอบรับนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบสอง ส่วนทิศทางวันนี้ยังไม่พ้นปัจจัยลบ คาดใกล้แตะ 35 บาทต่อดอลล์
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ (11 ก.ย.) เปิดตลาดในช่วงเช้าที่ระดับ 34.65-34.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากที่ปิดตลาดวันก่อนหน้า โดยความเคลื่อนไหวของเงินบาทอ่อนค่าลงตลอดวัน จนกระทั่งปิดตลาดที่ระดับ 34.75-34.76 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าก็เป็นทั้งในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศและภายในประเทศ
โดยปัจจัยภายนอกประเทศเป็นกรณีของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวลดลง รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอียู ซึ่งออกมาในทิศทางที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้านั้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินมากนัก แต่หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นได้อีก
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงเป็นเรื่องของการเมืองที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ตอบรับที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนเกรงว่าจะเหตุรุนแรงอีก จึงขายเงินบาทออกมา
“ในเรื่องการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น เชื่อว่า ธปท.ก็ติดตามดูอยู่โดยตลอด และหากเงินบาทมีความผันผวน หรือรูดลงมาก ก็จะเข้ามาดูแล อย่างวานนี้ก็น่าจะเข้ามาดูแลอยู่เหมือนกัน เพราะหากปล่อยไปตามกลไกตลาด ค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่ามากกว่านี้”นักค้าเงินกล่าว
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะภาคการเมือง โดยคาดว่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 34.65-34.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"หากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าอย่างนี้ ขณะที่ภาคการเมืองในประเทศยังไม่คลี่คลายลง โอกาสที่ค่าเงินบาทจะแตะที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ก็จะเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น”นักค้าเงินกล่าว
ด้านนักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ระดับระดับ 34.74-34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.65-34.67 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่า ตามค่าเงินในภูมิภาค หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมา ส่วนวันนี้แนวโน้มก็ยังคงอ่อนค่าโดยมองกรอบการเคลื่อนไหว ของค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 34.70-37.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ (11 ก.ย.) เปิดตลาดในช่วงเช้าที่ระดับ 34.65-34.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากที่ปิดตลาดวันก่อนหน้า โดยความเคลื่อนไหวของเงินบาทอ่อนค่าลงตลอดวัน จนกระทั่งปิดตลาดที่ระดับ 34.75-34.76 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าก็เป็นทั้งในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศและภายในประเทศ
โดยปัจจัยภายนอกประเทศเป็นกรณีของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวลดลง รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอียู ซึ่งออกมาในทิศทางที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้านั้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินมากนัก แต่หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นได้อีก
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงเป็นเรื่องของการเมืองที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ตอบรับที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนเกรงว่าจะเหตุรุนแรงอีก จึงขายเงินบาทออกมา
“ในเรื่องการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น เชื่อว่า ธปท.ก็ติดตามดูอยู่โดยตลอด และหากเงินบาทมีความผันผวน หรือรูดลงมาก ก็จะเข้ามาดูแล อย่างวานนี้ก็น่าจะเข้ามาดูแลอยู่เหมือนกัน เพราะหากปล่อยไปตามกลไกตลาด ค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่ามากกว่านี้”นักค้าเงินกล่าว
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะภาคการเมือง โดยคาดว่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 34.65-34.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
"หากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าอย่างนี้ ขณะที่ภาคการเมืองในประเทศยังไม่คลี่คลายลง โอกาสที่ค่าเงินบาทจะแตะที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ก็จะเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น”นักค้าเงินกล่าว
ด้านนักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ระดับระดับ 34.74-34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.65-34.67 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่า ตามค่าเงินในภูมิภาค หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมา ส่วนวันนี้แนวโน้มก็ยังคงอ่อนค่าโดยมองกรอบการเคลื่อนไหว ของค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 34.70-37.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ