ผู้บริหารมั่นคงเคหะการฯ ยันปัจจัยลบทางการเมือง แนวโน้มเงินเฟ้อ-น้ำมันปรับตัว ไม่กระทบยอดขาย เผยไม่ถึงเดือนโครงการรูปโฉมใหม่ "ชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ " ยอดขายวิ่งกว่า300ล้านบาท สะท้อนกำลังซื้อและการตัดสินใจลูกค้ายังดีอยู่ ชี้กว่า30% ชะลอซื้อหลังมีปัจจัยลบ ส่วนลูกค้า 70% เร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย หวังรับโบนัสมาตรการลดภาษีของรัฐบาล มั่นใจปีนี้ยอดขาย2,700ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ตามเป้า 2,500ล้านบาท
นางธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ปัจจัยลบด้านการเมือง การปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และผลของการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงที่ผ่านมา (รัฐบาลประกาศยกเลิก 14 ก.ย.ที่ผ่านมา) ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และกระทบการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบางกลุ่มบ้าง โดยกว่า 30% ชะลอในการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป แต่ถึงกระนั้น ปัญหาดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อยอดขายของบริษัทมั่นคงฯแต่อย่างใด เนื่องจากมีลูกค้ากลุ่มใหญ่กว่า 70% ยังคงเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อบ้านสั่งสร้าง ซึ่งต้องการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัย จากภาระค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะบ้านสั่งสร้างจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน6-8 เดือน หากผู้ซื้อยังยืดเวลาในการซื้อออกไป อาจจะไม่ทันใช้สิทธิ์จากมาตรการดังกล่าวที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2552 ทำให้ยอดขายของบ้านสั่งสร้างของบริษัทยังเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยลบข้างต้นเข้ามากระทบการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบ้าง
" หลังจากที่ บริษัทมั่นคงฯ เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ ในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าขณะนี้มียอดขายไปแล้ว 80 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายรวม 300 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในระดับราคา 3- 5 ล้านบาทยังมีอยู่ ส่วนโครงการอื่นๆ ที่เปิดขายในขณะนี้ ยอดขายยังดีอยู่ "
นางธัญญา กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านชวนชื่อโมดัส แจ้งวัฒนะ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝดจำนวน260 ยูนิต มูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท แบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยว 230 ยูนิต บ้านแฝด 30 ยูนิต พัฒนาเป็น 3 เฟส เฟสแรก 100 ยูนิต เฟสที่2และ3 จำนวน80ยูนิตต่อเฟส โดยทางโครงการได้เปิดขายในเฟสที่ 2 ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเปิดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี52
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวม 2,700ล้านบาท เติบโต25%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทมียอดขายแล้ว 1,800 ล้านบาท มีบ้าน(สต็อกบ้าน)ที่รอขายอีกกว่า 1,600 ล้านบาท โดยคาดว่าในเดือนก.ย.นี้จะมียอดขายจากโครงการต่างๆเพิ่มเติมอีก 300 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าช่วง 3 เดือนสุดท้าย ยอดขายจะสามารถผลักดันได้ตามเป้า ส่วนตัวเลขรับรู้รายได้ในปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 2,500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มียอดรับรู้รายได้ไปแล้ว 800 ล้านบาท และมียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้อีก 1,7000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ตลอดทั้งปียอดรับรู้รายได้ตามเป้าแน่นอน
“ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯเตรียมปรับราคาขายบ้านในโครงการชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ ขึ้นอีก 1-2% เพื่อรองรับต้นทุนการก่อสร้างและราคาวัสดุที่มีการปรับตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว”
นางธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ปัจจัยลบด้านการเมือง การปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และผลของการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงที่ผ่านมา (รัฐบาลประกาศยกเลิก 14 ก.ย.ที่ผ่านมา) ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และกระทบการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบางกลุ่มบ้าง โดยกว่า 30% ชะลอในการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป แต่ถึงกระนั้น ปัญหาดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อยอดขายของบริษัทมั่นคงฯแต่อย่างใด เนื่องจากมีลูกค้ากลุ่มใหญ่กว่า 70% ยังคงเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อบ้านสั่งสร้าง ซึ่งต้องการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัย จากภาระค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะบ้านสั่งสร้างจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน6-8 เดือน หากผู้ซื้อยังยืดเวลาในการซื้อออกไป อาจจะไม่ทันใช้สิทธิ์จากมาตรการดังกล่าวที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2552 ทำให้ยอดขายของบ้านสั่งสร้างของบริษัทยังเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยลบข้างต้นเข้ามากระทบการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบ้าง
" หลังจากที่ บริษัทมั่นคงฯ เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ ในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าขณะนี้มียอดขายไปแล้ว 80 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายรวม 300 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในระดับราคา 3- 5 ล้านบาทยังมีอยู่ ส่วนโครงการอื่นๆ ที่เปิดขายในขณะนี้ ยอดขายยังดีอยู่ "
นางธัญญา กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านชวนชื่อโมดัส แจ้งวัฒนะ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝดจำนวน260 ยูนิต มูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท แบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยว 230 ยูนิต บ้านแฝด 30 ยูนิต พัฒนาเป็น 3 เฟส เฟสแรก 100 ยูนิต เฟสที่2และ3 จำนวน80ยูนิตต่อเฟส โดยทางโครงการได้เปิดขายในเฟสที่ 2 ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเปิดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี52
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวม 2,700ล้านบาท เติบโต25%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทมียอดขายแล้ว 1,800 ล้านบาท มีบ้าน(สต็อกบ้าน)ที่รอขายอีกกว่า 1,600 ล้านบาท โดยคาดว่าในเดือนก.ย.นี้จะมียอดขายจากโครงการต่างๆเพิ่มเติมอีก 300 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าช่วง 3 เดือนสุดท้าย ยอดขายจะสามารถผลักดันได้ตามเป้า ส่วนตัวเลขรับรู้รายได้ในปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 2,500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มียอดรับรู้รายได้ไปแล้ว 800 ล้านบาท และมียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้อีก 1,7000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ตลอดทั้งปียอดรับรู้รายได้ตามเป้าแน่นอน
“ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯเตรียมปรับราคาขายบ้านในโครงการชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ ขึ้นอีก 1-2% เพื่อรองรับต้นทุนการก่อสร้างและราคาวัสดุที่มีการปรับตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว”
