ยกเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ไร้มนต์ขลัง ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงหนักเกือบ 9 จุด ตลาดไม่ขานรับ 3 ส.ชิงผู้นำคนใหม่ จับตาเหตุบานปลาย หากน้องเขย “แม้ว” นั่งนายกฯ รัฐบาลอาจหาความชอบธรรมโดยปลุก นปก.ชนพันธมิตรฯ ลุ้นการเมืองใหม่ ผู้นำต้องโปร่งใส ไม่มีเบื้องหลังเกี่ยวพันนักการเมืองทุจริตโกงกิน โบรกฯ ชี้ ปัจจัยต่างประเทศ ยังเป็นตัวชี้นำสำคัญ พร้อมระบุ นักลงทุนกังวลระบบการเงินสหรัฐฯพัง หลัง เลห์แมนฯ-เอไอจี ส่อเค้าล้มละลาย และจะส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (15 ก.ย.) ดัชนีปิดช่วงเช้าผันผวนหนัก ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ต่างร่วงพร้อมกันทั่วหน้า ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกง ไต้หวัน และ สิงคโปร์ ซึ่งปิดทำการในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนวิตกกังวลธนาคารชื่อดังในสหรัฐฯ “เลห์แมน บราเธอร์ส” ส่อเค้าล้มละลาย และอาจส่งผลกระทบเป็นโดมิโนต่อสถาบันการเงินทั้งระบบ หลังการปฏิเสธล่าสุดของบาร์เคลย์ของอังกฤษ และอีกกรณีของ AIG ก็มีแนวโน้มคล้ายกัน
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 645.41 จุด ลดลง 8.93 จุด เปลี่ยนแปลง -1.36% มูลค่าการซื้อขาย 3,345 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มช่วงบ่าย sentiment เหมือนช่วงเช้าตลาดน่าจะซึมลง ปัจจัยในประเทศไม่ช่วยอะไร เพราะเรื่องการเมืองไม่ใช่ว่าจะจบ รอเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ยังคงเป็นคนระบอบเดิมที่มีเบื้องหลังการทุจริตโกงกิน กรอบดัชนีเป็นแนวพยุงตัวมากกว่าแนวรับ 640-642 จุด แนวต้าน 655 จุด
สำหรับประเด็นการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่นักวิเคราะห์หลายค่าย เชื่อว่า จะทำให้การลงทุนฟื้นตัวขึ้น กลับไม่เป็นไปตามคาด เพราะนักลงทุนกังวลปัจจัยต่างประเทศมากกว่า ส่วนกรณีรายชื่อ 3 ส.ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย โดยมองว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในรายชื่อทั้ง 3 คนนั้น ก็เป็นคนจากพรรคพลังประชาชน ยังอยู่ในวังวนของระบอบเก่าที่เบื้องหลังของนักการเมืองที่โกงกิน เชื่อว่า จะทำให้การชุมนุมของประชาชน ยังคงยืดเยื้อต่อไป
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนีปรับตัวลดลงหนักเกือบ 9 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ที่ปรับตัวลดลงกว่า 300 จุด จากความกังวลในการเจรจาหาบริษัทเข้ามาซื้อกิจการของ บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ที่ล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาจะส่งผลกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปจนถึงวันพรุ่งนี้ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ในเรื่องของการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยและแนวทางการช่วยเหลือสถาบันการเงิน
ส่วนการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และการไม่รับชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร สุนทรเวช ถือเป็นผลดีต่อตลาดแต่ไม่มีผลกับดัชนี ร่วมถึงรายชื่อ 3 ส.ที่จะมาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย โดยมองว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในรายชื่อทั้ง 3 คนนั้น ก็เป็นคนจากพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะทำให้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯยังคงยืดเยื้อต่อไป
โดยก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ออกมาระบุว่า การประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประเมินว่า ตลาดหุ้นจะไม่ขานรับมากนัก เพราะที่ผ่านมา ไม่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างจริงจัง แต่การยกเลิก พ.ร.ก.อาจทำให้สถานการณ์บานปลายได้ เพราะอำนาจตกไปอยู่ในมือตำรวจ ซึ่งไม่มีศักยภาพในการควบคุม นปก.หากฝ่ายที่มีอำนาจปลุกกลุ่มฮาร์ดคอร์ขึ้นมาอีกครั้ง อาจซ้ำรอยเหตุกาณ์วันที่ 1 ก.ย.ได้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุที่ภาวะตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปรับตัวลงน่าจะมาจาก 2 ประเด็น คือ จากปัจจัยการเมืองที่ถึงแม้จะมีความคลี่คลายในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายสมัคร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศยุติบทบาทแล้วก็ตาม แต่ยังมีสิ่งที่ยังต้องติดตามว่าบุคคลที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร มีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน จึงยังทำให้ตลาดผันผวนอยู่
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลง จากประเด็นเรื่อง เลห์แมน บราเธอร์ส ส่อเค้าว่าจะล้มละลาย เนื่องจากการปฏิเสธล่าสุดของทางธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษ และอีกกรณีที่เป็นข้อกังวลเพิ่มเติม คือ กรณีของอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (American International Group Inc.หรือ AIG) คงคล้ายๆ กัน กำลังดูอยู่ว่าจะมีการเจรจาในเรื่องของการขาย asset พวกนี้ออกไปหรือเปล่า
“ถ้าดูจากการดิ่งลงมาของราคาหุ้นเลห์แมนฯ ทั้ง AIG ดูแล้วสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะการดิ่งลงของดาวโจนส์ฟิวเจอร์สในช่วงเช้าวันนี้ที่มีการลงมาประมาณ 300 กว่าจุด ตรงนี้เหมือนกับตลาด react ในเรื่องนี้ค่อนข้างแรงพอสมควรแต่ยังดีที่ตลาดต่างประเทศหลายตลาดในวันนี้หยุดไม่เช่นนั้นอาจจะ panic หนักกว่านี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ กรณีความเสียหายของ AIG ซึ่งประกอบธุรกิจหลักคือประกันภัย ซึ่งมีลูกค้าประมาณ 74 ล้านรายในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และเป็นบริษัทแม่ของ AIA หรือบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันซ์ ก็กำลังประสบปัญหาดังเช่นสถาบันการเงินอื่นๆ ในสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นประเด็นที่น่ากังวล เพราะเกรงว่าอาจส่งผลกระทบรุนแรงในวงกว้าง
แนวโน้มช่วงบ่าย sentiment คงไม่ต่างจากช่วงเช้า น่าจะซึมๆ ลงแบบนี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็ไม่ได่ช่วยอะไรเพราะเรื่องการเมืองก็ใช่ว่าจะจบ โดยจะมีการเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่ทำให้บรรยากาศดีขึ้นได้ โดยให้กรอบดัชนีน่าจะเป็นแนวพยุงตัวมากกว่าแนวรับ 640-642 จุด แนวต้านช่วงนี้ 655 จุด
โดยเมื่อเวลา 14.56 น.ดัชนีภาคบ่ายปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 643.80 จุด ลดลง 10.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,961.76 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 642.39 จุด ลดลง 11.95 จุด เปลี่ยนแปลง -1.83% มูลค่าการซื้อขาย 7,454 ล้านบาท