ฝ่ายประเมินภาษีสรรพากรเล็งฟ้องคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีหลังศาลชี้บรรณพจน์เลี่ยงภาษี เผยมีการประเมินรายได้แล้วแต่คณะกรรมการฯ ตัวแทนอัยการ-มหาดไทยซึ่งเป็น 2 ใน 3 เสียง ชี้ไม่ต้องเสีย "ศานิต" เผยเตรียมชงแก้ไขประมวลรัษฎากรให้กระทรวงการคลังแก้ไข มุ่งประเด็นการตีความภาษีลดการใช้ดุลยพินิจ
แหล่งข่าวจากรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้เตรียมฟ้องร้องคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีกรณีการโอนหุ้นระหว่างคุณหญิงพจมาน ชินวัตรและนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และไม่มีการเสียภาษีจำนวน 546 ล้านบาท จนกระทั่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกบุคคลทั้งสอง ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรได้ทำการประเมินรายได้แล้วแต่คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่เป็นตัวแทนจากอัยการและกระทรวงมหาดไทยกลับพิจาณาว่าไม่ต้องเสียภาษีจนต้องเข้าสู่กระบวนการศาล
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรรับความผิดจากการประเมินภาษีที่สวนทางกับความเห็นของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีจึงต้องให้ฟ้องร้องเนื่องจากกรมสรรพากรได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความเสียหายทางแพ่งกับคดีนี้ขึ้นมาเพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อเงินภาษีจำนวน 546 ล้านบาทที่กรมสรรพากรควรจะได้รับ หากมีผลการสอบสวนใดๆ เจ้าหน้าที่ประเมินภาษีจะได้ใช้ประเด็นนี้ในการต่อสู้ได้
“คำพิพากษาของศาลออกมาเป็นที่ชัดเจนว่าต้องเสียภาษีแต่พฤติกรรมของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีนั้นเป็นที่น่าสงสัยว่าทำงานอย่างซื่อตรงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษียังได้วินิจฉัยการเสียภาษีในครั้งนี้นอกเหนือจากประเด็นที่ได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปด้วย โดยกรมสรรพากรได้สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าจะสามารถเอาผิดกับคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่วินิจฉัยเข้าข้างผู้หลีกเลี่ยงภาษีได้หรือไม่แต่ก็ตอบกลับมาว่าเป็นการยากเพราะเรื่องราวได้จบลงไปแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีมีกรรมการจาก 3 ฝ่าย 3 คน ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสรรพากร
***ศานิตแก้ กม.ลดใช้ดุลยพินิจ
ด้านนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากที่กรมสรรพากรได้รับมอบผลโครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากรจาก นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการเสนอผลการแก้ไขเพื่อจัดส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาผลักดันการแก้ไขประมวลรัษฎากรตามแนวทางนี้ภายใน 4-5 วัน
สำหรับสาระสำคัญที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขประมวลรัษฎากรในครั้งนี้เนื่องจากการดำเนินการตีความปัญหาภาษีอากรตามกฎหมายเดิมนั้นมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อน เพราะการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการตอบคำถามด้านภาษีที่ถามเข้ามาอาจไม่ถูกใจบางฝ่าย ดังนั้นการแก้ไขประมวลรัษฎากรในครั้งนี้จึงลดการตีความของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรลงและในการตีความจะใช้ในรูปแบบของคณะกรรมการมากขึ้น
หากกรมสรรพากรและกระทรวงการคัลงสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนของการตีความโดยใช่ดุลยพินิจในจุดนี้ได้จะทำให้ประเด็นความขัดแย้งด้านภาษีที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันลดน้อยลง ทั้งในส่วนของบริษัทขนาดใหญ่ข้ามชาติที่มีปัญหาด้านภาษีรวมทั้งกรณีการเลี่ยงภาษีของคณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ ที่ศาลได้พิพากษาให้จำคุกและกรณีของนายพานทางแท้ และนส.พิณทองทา ชินวัตรที่คดียังไม่จบสิ้นอาจจะคลี่คลายได้ง่ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“อยากให้แก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นเพราะเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะสามารถคลี่คลายได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขประมวลรัษฎากรทั้ง 16 ประเด็นจะสร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น เชื่อว่าการผลักดันแก้ไขประมวลรัษฎากรอาจไม่สามารถเสร็จทั้งในสมัยของผมแต่ก็หวังว่าอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ที่เข้ามารับหน้าที่จะมาสานต่อเรื่องนี้ให้ลุล่วงได้โดยเร็ว” นายศานิตกล่าว
แหล่งข่าวจากรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้เตรียมฟ้องร้องคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีกรณีการโอนหุ้นระหว่างคุณหญิงพจมาน ชินวัตรและนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และไม่มีการเสียภาษีจำนวน 546 ล้านบาท จนกระทั่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกบุคคลทั้งสอง ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรได้ทำการประเมินรายได้แล้วแต่คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่เป็นตัวแทนจากอัยการและกระทรวงมหาดไทยกลับพิจาณาว่าไม่ต้องเสียภาษีจนต้องเข้าสู่กระบวนการศาล
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรรับความผิดจากการประเมินภาษีที่สวนทางกับความเห็นของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีจึงต้องให้ฟ้องร้องเนื่องจากกรมสรรพากรได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความเสียหายทางแพ่งกับคดีนี้ขึ้นมาเพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อเงินภาษีจำนวน 546 ล้านบาทที่กรมสรรพากรควรจะได้รับ หากมีผลการสอบสวนใดๆ เจ้าหน้าที่ประเมินภาษีจะได้ใช้ประเด็นนี้ในการต่อสู้ได้
“คำพิพากษาของศาลออกมาเป็นที่ชัดเจนว่าต้องเสียภาษีแต่พฤติกรรมของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีนั้นเป็นที่น่าสงสัยว่าทำงานอย่างซื่อตรงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษียังได้วินิจฉัยการเสียภาษีในครั้งนี้นอกเหนือจากประเด็นที่ได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปด้วย โดยกรมสรรพากรได้สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าจะสามารถเอาผิดกับคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่วินิจฉัยเข้าข้างผู้หลีกเลี่ยงภาษีได้หรือไม่แต่ก็ตอบกลับมาว่าเป็นการยากเพราะเรื่องราวได้จบลงไปแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีมีกรรมการจาก 3 ฝ่าย 3 คน ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสรรพากร
***ศานิตแก้ กม.ลดใช้ดุลยพินิจ
ด้านนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากที่กรมสรรพากรได้รับมอบผลโครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากรจาก นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการเสนอผลการแก้ไขเพื่อจัดส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาผลักดันการแก้ไขประมวลรัษฎากรตามแนวทางนี้ภายใน 4-5 วัน
สำหรับสาระสำคัญที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขประมวลรัษฎากรในครั้งนี้เนื่องจากการดำเนินการตีความปัญหาภาษีอากรตามกฎหมายเดิมนั้นมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อน เพราะการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการตอบคำถามด้านภาษีที่ถามเข้ามาอาจไม่ถูกใจบางฝ่าย ดังนั้นการแก้ไขประมวลรัษฎากรในครั้งนี้จึงลดการตีความของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรลงและในการตีความจะใช้ในรูปแบบของคณะกรรมการมากขึ้น
หากกรมสรรพากรและกระทรวงการคัลงสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนของการตีความโดยใช่ดุลยพินิจในจุดนี้ได้จะทำให้ประเด็นความขัดแย้งด้านภาษีที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันลดน้อยลง ทั้งในส่วนของบริษัทขนาดใหญ่ข้ามชาติที่มีปัญหาด้านภาษีรวมทั้งกรณีการเลี่ยงภาษีของคณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ ที่ศาลได้พิพากษาให้จำคุกและกรณีของนายพานทางแท้ และนส.พิณทองทา ชินวัตรที่คดียังไม่จบสิ้นอาจจะคลี่คลายได้ง่ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“อยากให้แก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นเพราะเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะสามารถคลี่คลายได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขประมวลรัษฎากรทั้ง 16 ประเด็นจะสร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น เชื่อว่าการผลักดันแก้ไขประมวลรัษฎากรอาจไม่สามารถเสร็จทั้งในสมัยของผมแต่ก็หวังว่าอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ที่เข้ามารับหน้าที่จะมาสานต่อเรื่องนี้ให้ลุล่วงได้โดยเร็ว” นายศานิตกล่าว
