กสิกรฯเดินหน้ารุกขยายสินเชื่อบ้านมั่นใจปีนี้ทะลุเป้าถึง 20% ระบุจากผลิตภัณฑ์-แคมเปญที่ออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นตัวกระตุ้นยอด ขณะที่เอ็นพีแอลอยู่ในระดับ 3%และคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8%ในปลายปีนี้ ส่วนทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นเริ่มแผ่วหลังเงินเฟ้อเดือนล่าสุดวูบ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในที่ผ่านมา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย 8 เดือนแรกของปีมียอดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม 23,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท จึงเชื่อว่าทั้งปีน่าจะมียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากการออกผลิตภัณฑ์และการทำการตลาดของธนาคารมาโดยตลอด
"สินเชื่อบ้านของธนาคารนับว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าระบบ โดยสินเชื่อของธนาคารเติบโตในระดับ 10% ขณะที่ทั้งระบบอยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้ทำการตลาดทั้งการออกผลิตภัณฑ์และแคมเปญต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ยก็ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก และเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีสินเชื่อบ้านจะยังมีการแข่งขันที่รุนแรงต่อไปเนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำทำให้หลายๆธนาคารเข้ามาแย่งกันปล่อยสินเชื่อประเภทนี้"นายชาติชายกล่าว
ส่วนยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของอยู่ในระดับ 3.0% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ปกติและยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่ตัวที่เป็นผลกระทบจะเป็นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่ที่มีรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อเดือนจะยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม สิ้นปีนี้ธนาคารมีแผนที่จะปรับลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 2.8% โดยเชื่อว่าการเข้มงวดในการคัดเลือกลูกค้า การเร่งรัดติดตามทวงหนี้ และขนาดพอร์ตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ธนาคารสามารถลดเอ็นพีแอลลงได้ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยรวมของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ด้วยกันนั้นมีสัดส่วนประมาณ 13% แต่หากเทียบกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบธนาคารมีสัดส่วนประมาณ 7% ซึ่งธนาคารก็ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการปล่อยกู้ให้เป็นอันดับ 1 ของธนาคารพาณิชย์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้ธนาคารไทยพาณิชย์มียอดสินเชื่อรวมเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ธนาคารกรุงเทพมียอดสินเชื่อรวม 108,000 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทยมีสินเชื่อรวม 105,000 ล้านบาท
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น จากแรงกดดันของเงินเฟ้อ รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยทั้งในส่วนของเงินฝากและเงินกู้ทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมไปจนถึงสิ้นปี และจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารแต่ละแห่งก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากแคมเปญที่ออกมาระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
"จากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมาก็ลดลงแล้ว ราคาน้ำมันก็อยู่ในระดับ 100 เหรียญเศษๆ ก็น่าจะทำให้ดอกเบี้ยทั้ง 2 ขาทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันได้ไปจนถึงสิ้นปี แต่การแข่งขันระดมเงินฝากนั้น ก็คงจะยังมีอยู่ต่อไป เนื่องจากยังมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ต้องระดมเงินฝากเพื่อเตรียมรับกับการใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในที่ผ่านมา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย 8 เดือนแรกของปีมียอดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม 23,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท จึงเชื่อว่าทั้งปีน่าจะมียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากการออกผลิตภัณฑ์และการทำการตลาดของธนาคารมาโดยตลอด
"สินเชื่อบ้านของธนาคารนับว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าระบบ โดยสินเชื่อของธนาคารเติบโตในระดับ 10% ขณะที่ทั้งระบบอยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้ทำการตลาดทั้งการออกผลิตภัณฑ์และแคมเปญต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ยก็ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก และเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีสินเชื่อบ้านจะยังมีการแข่งขันที่รุนแรงต่อไปเนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำทำให้หลายๆธนาคารเข้ามาแย่งกันปล่อยสินเชื่อประเภทนี้"นายชาติชายกล่าว
ส่วนยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของอยู่ในระดับ 3.0% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ปกติและยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่ตัวที่เป็นผลกระทบจะเป็นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่ที่มีรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อเดือนจะยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม สิ้นปีนี้ธนาคารมีแผนที่จะปรับลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 2.8% โดยเชื่อว่าการเข้มงวดในการคัดเลือกลูกค้า การเร่งรัดติดตามทวงหนี้ และขนาดพอร์ตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ธนาคารสามารถลดเอ็นพีแอลลงได้ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยรวมของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ด้วยกันนั้นมีสัดส่วนประมาณ 13% แต่หากเทียบกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบธนาคารมีสัดส่วนประมาณ 7% ซึ่งธนาคารก็ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการปล่อยกู้ให้เป็นอันดับ 1 ของธนาคารพาณิชย์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้ธนาคารไทยพาณิชย์มียอดสินเชื่อรวมเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ธนาคารกรุงเทพมียอดสินเชื่อรวม 108,000 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทยมีสินเชื่อรวม 105,000 ล้านบาท
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น จากแรงกดดันของเงินเฟ้อ รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยทั้งในส่วนของเงินฝากและเงินกู้ทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมไปจนถึงสิ้นปี และจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารแต่ละแห่งก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากแคมเปญที่ออกมาระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
"จากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมาก็ลดลงแล้ว ราคาน้ำมันก็อยู่ในระดับ 100 เหรียญเศษๆ ก็น่าจะทำให้ดอกเบี้ยทั้ง 2 ขาทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันได้ไปจนถึงสิ้นปี แต่การแข่งขันระดมเงินฝากนั้น ก็คงจะยังมีอยู่ต่อไป เนื่องจากยังมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ต้องระดมเงินฝากเพื่อเตรียมรับกับการใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย
