xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยอึมครึม"สมัคร"อยู่ต่อ ดัชนีดิ่ง10จุด-โบรกเกอร์แนะหยุดลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยดิ่งต่ออีก 10 จุด หลังนายกฯ "สมัคร" ประกาศชัดจะไม่ลาออก-ยุบสภา ส่งผลให้การเมืองไร้ทางออกและเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงบานปลาย บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุด ด้านนักวิเคราะห์ แนะนักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อจับตาการเมือง รวมถึงการลงมติคดียุบพรรคพลังประชาชน

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (1 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ลาออก หรือยุบสภา ส่งสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่มีทางออก บวกกับปัจจัยต่างประเทศที่กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย ส่งผลดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 675.22 จุด ลดลง 9.22 จุด คิดเป็น 1.35% โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 673.97 จุด หรือลดลงกว่า 10 จุด ขณะที่ระดับสูงสุดอยู่ที่ 678.99 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 6,309.78 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง คือมียอดขายสุทธิ 499.62 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 132.24 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 631.85 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ลาออกหรือยุบสภาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กดดันให้ดัชนีลดลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 673.97 จุด จากการเทขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (2 ก.ย.) คาดว่าตลาดจะยังคงเงียบเหงาท่ามกลางความผันผวนในกรอบ 670-685 จุด จากปัจจัยหลักเรื่องของสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ดังนั้นนักลงทุนควรจะชะลอการลงทุนก่อน เพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ต่อไป

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจับต่างประเทศในกรณีที่ดัชนีดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงถึง 170 จุด จากความกังวลปัจจัยเดิมๆ เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว แม้ไตรมาส 2/51 จีดีพีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่นักลงทุนไม่เชื่อมั่นใจว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลดลง

"ดัชนีปรับตัวลดลง 9.22 จุด วอลุ่มเบาบาง โดยหุ้นที่มีการปรับตัวลดลงกระจายทุกกลุ่ม เช่น พลังงาน แบงก์ แต่ช่วงเช้าหุ้นสื่อสารสามารถบวกได้จากได้รับข่าวดีเรื่อง 3 จี" นางสาวจิตรา กล่าว

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้มีการประกาศจะไม่ลาออกและไม่ยุบสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และกลุ่มพันธมิตรฯ เองจะมีการกดดันรัฐบาลต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การเมืองไทยยังไม่มีทางออกที่จะคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนชะลอดูความชัดเจนทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบาง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนียังคงถูกกดดันจากปัจจัยทางการเมืองมากกว่าปัจจัยต่างประเทศ จากการเมืองยังไม่มีทางออก ซึ่งบริษัทยังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 650 จุด แนวต้าน 686 จุด แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ โดยคาดว่าดัชนีสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 820 จุด

"นักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้นในช่วงนี้ เกิดจากปัจจัยด้านการเมืองที่ยังอึมครึม ทำให้ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งขณะนี้หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจำนวนมากแล้ว"

นายสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผุ้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน มูลค่าซื้อขายแค่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 9,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจเรื่องการเมือง และความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว รวมถึงกรณีที่บริษัท เดลล์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับสองของโลก ออกมาประกาศยอดการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีจะลดลง

จากประเด็นดังกล่าว ได้ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง และนักลงทุนกังวลในเรื่องราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หากพายุกุสตาฟอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซในอ่าวเม็กซิโก ทำให้กดดันการลงทุน โดยหุ้นมีการปรับตัวลดลงกระจายทุกกลุ่ม ยกเว้นสินค้าอุปโภค อุตสาหกรรมยานยนต์ บริการเฉพาะกิจ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ช่วงนี้ก็จะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ลักษณะปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไปก่อน รอดูความชัดเจน โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 660-680 จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ที่ปรับตัวลงมาแรงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังหาทางออกไม่ได้ และมีแนวโน้มที่จะบานปลายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการที่รัฐวิสาหกิจต่างพร้อมใจกันหยุดให้บริการเพื่อประท้วงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจและการบริโภคในภาพรวม
นอกจากนี้ มุมมองในสายตานักลงทุนต่างชาติเริ่มขาดความเชื่อมั่นและประเมินตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงสูงและทางออกของปัญหาในขณะนี้ยังคงไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจได้กลายเป็นฐานสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรที่สำคัญ ขณะที่รัฐบาลไม่สามารถใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมได้ เพราะจะถูกกดดันเรื่องความชอบธรรม นักลงทุนจึงเลือกที่จะเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงทำให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาและดัชนีฯปรับตัวลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ยืนในแดนลบจากความวิตกต่อปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและแรงขายของนักลงทุนต่างชาติได้ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทยให้เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน

สำหรับแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ยังมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยต่อความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อ และมีความเสี่ยงที่จะลุกลามบานปลายไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ทำให้นักลงทุนมีแรงเทขายหุ้นออกมาและถือเงินสดรอประเมินสถานการณ์นอกตลาดฯ

ส่วนการลงมติในคดียุบพรรคพลังประชาชนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองต่อไป ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาว่ายุบพรรคหรือไม่คงไม่กระทบกับการลงทุนมากอย่างมีนัยสำคัญเพราะตลาดฯน่าจะให้น้ำหนักกับการหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองอย่างเช่นการยุบสภา หรือลาออกมากกว่า ประเมินแนวรับที่ระดับ 660 จุด แนวต้าน 680 จุด

นางสาวจันทนา วัฒนกูล ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี จำกัด มหาชน (KTBS) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ยังเงียบเหงาปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังอึมครึม กดดันให้มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางแค่กว่า 6 พันล้านบาท

"แนวโน้มตลาดในวันนี้น่าจะตกอยู่ในภาวะที่ซบเซา ภายหลังการเมืองยังไม่สามารถหาทางออกได้ โดยให้แนวรับที่ 660-674 จุด และแนวต้านที่ 692-700 จุด ขณะที่หุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นพื้นฐานอย่างกลุ่มอาหารที่รับจากอานิสงส์ ของค่าเงินบาทอ่อนตัวที่จะส่งผลดีต่อการส่งออก" นางสาวจันทนา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น