ตลาดหุ้นไทยทรุด สะท้อนภาพลักษณ์รัฐบาล "สมัคร" ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ ฉุดมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเดือนส.ค. 51 ต่ำสุดในรอบปีแค่ 1.2 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติทิ้งต่อเนื่องอีก 1.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีสูงเฉียด 1 แสนล้าน ด้านโบรกเกอร์ มั่นใจดัชนีตลาดหุ้นทะลุ 700 จุด หากรัฐบาลลาออก-ยุบสภา
ตลอดเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวค่อนข้างผันผวน ท่ามกลางการซื้อขายที่เงียบเหงา แม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยจากสิ้นเดือนกรกฎาคม 51 ที่ระดับ 676.32 จุด มาอยู่ที่ 684.44 จุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 51 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.12 จุด คิดเป็น 1.20%
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายกลับมีเข้ามาอย่างเบาบาง โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 12,541.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา และนักลงทุนต่างประเทศเองยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง คือมียอดขายสุทธิรวม 11,360.32 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสิทธิตั้งแต่ต้นปีของนักลงทุนต่างชาติรวม 97,559.09 ล้านบาท
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด มหาชน กล่าวว่า แนวโน้มภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงเงียบเหงา นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ากระตุ้นแรงซื้อของนักลงทุน บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองยังคงคุกรุ่น ซึ่งไม่แน่ว่าจะปะทุขึ้นมาเมื่อใด
"นักลงทุนต้องติดตามเหตุการณ์การเมืองที่กำลังร้อนระอุ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเองยังให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเช่นกัน"
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ็คคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไย จากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่คลี่คลาย
"ต่างชาติให้ความสำคัญกับสถานการณ์ทางการเมืองมากที่สุด ถ้าสถานการณ์ยังไม่สิ้นสุดก็คงจะไม่มีการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ หรืออาจจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง แต่คงเป็นแค่เพียงเก็งกำไรระยะสั้นๆ เท่านั้น"
นาวสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า แนวโน้มนักลงทุนต่างชาติยังเทขายออกมาต่อเนื่อง เพราะไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หลังจากที่มีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างประเทศอาจจะเข้ามาลงทุนในลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้นๆ
ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า ปัญหาการเมืองในประเทศยังคงเป็นแรงกดดันหลักต่อตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้น จะฉุดดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอีก โดยมีแนวรับที่ระดับ 660 จุด แนวต้น 690 จุด ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนจะต้องเลือกหุ้นรายตัว และพิจารณาช่วงเวลาลงทุนให้เหมาะสม รวมทั้งต้องติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดด้วย
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในเดือนสิงหาคม 51 ปรับตัวลดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 51 รวมถึงนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง จนยอดขายสุทธิเฉียด 1 แสนล้านบาทนั้น เป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ความล้มเหลวของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
"ตั้งแต่รัฐบาลสมัครเข้ามาบริหารประเทศ ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง มีการแบ่งพรรคพวกกันอย่างชัดเจน จนไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ขณะเดียวกันยังไม่มีผลงานที่ชัดเจน หรือไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นรัฐบาลควรจะพิจารณาแก้ปัญหาด้วยการลาออก หรือยุบสภา เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นสามารถปรับทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 700 จุดได้"