xs
xsm
sm
md
lg

นายแบงก์ลั่นไม่เลือกข้าง! ลุ้นปัจจัยการเมืองจบพยุงความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กแบงก์กรุงไทยยอมรับการชุมนุมของพันธมิตรฯ บั่นทอนความเชื่อมั่นพอสมควร หวังปัญหาทุกอย่างจบลงด้วยดี ยันแผนธุรกิจปีนี้ยังเดินตามแผนเดิมทุกอย่าง ด้าน "ประสาร" ชี้ประเด็นการเมืองอยู่ที่ระยะเวลา หากยืดเยื้อจะกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ยันไม่เลือกข้าง ชี้ฝ่ายที่มีอำนาจปกครองต้องมีคุณธรรมและซื่อสัตย์ ขณะที่ประชาชนก็ต้องเคารพกฏหมาย

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า เหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจพอสมควร ซึ่งในส่วนของการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้นมีความจำเป็นที่ต้องมีความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและสิ่งที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นก็คือความสงบเรียบร้อยเพื่อจุดมุ่งหมายให้ประเทศมีการพัฒนาที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ นอกจากความเชื่อมั่นแล้ว การลงทุนจากภาครัฐก็จะเป็นส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวขึ้น เนื่องจากจะทำให้มีการลงทุนของภาคเอกชนตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ตอนนี้ความมั่นใจไม่มี ก็คงต้องรอให้เรื่องจบก่อนความมั่นใจก็คงจะกลับมา

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงภายนอกประเทศ คือ ปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐอเมริกาที่ยังมีปัญหาอยู่จากเดิมคิดว่าเป็นเพียงปัญหาระยะสั้น แต่ในขณะนี้ก็เริ่มมีทีท่าว่าจะยาวและไม่รู้จะจบตอนไหน

"แค่การลงทุนจุดแรกก็ไม่เริ่มซะแล้วยังขัดกันอยู่ ก็ต้องหาคำตอบหาผลลัพธ์ให้ได้ ก็เชื่อว่าสถานการณ์ในตอนนี้คงเป็นช่วงสั้น จะให้เป็นตลอดเป็นปี ๆ คงไม่ได้ แต่จะจบวิธีใดก็ขอให้สวยๆ พอจบสวยก็จะทำให้การลงทุนและความมั่นใจมีเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้นอกจากจะมีปัจจัยเสี่ยงจากนอกประเทศแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงภายในเพิ่มมาอีกก็สร้างปัจจัยลำบากให้ประเทศเพิ่ม ตอนนี้ก็ต้องคิดในแง่บวกก็คงไม่ยืดเยื้ออะไร ก็หวังว่าจะจบได้ด้วยดี "

สำหรับการปิดสาขาย่อยของธนาคาร 3 แห่ง ประกอบด้วย สาขากระทรวงการคลัง สาขาทำเนียบรัฐบาลและสาขากรมสรรพากรนั้น ก็มาจาก 2 สาเหตุ คือ เป็นห่วงความปลอดภัยของพนักงาน อีกทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกค้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์อะไรหรือไม่ ส่วนจะมีการปิดสาขาอื่นเพิ่มอีกหรือคงไม่มีแล้ว

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาก็มีการปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าที่สูงทำให้มีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มตามไปด้วย การสินเชื่อเพื่อการลงทุนยังมีไม่มาก ทั้งที่กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่สูงมาหลายปีแล้ว แต่ทางเอกชนยังไม่มีความเชื่อมั่นที่จะลงทุน สำหรับแผนธุรกิจของธนาคารในขณะนี้ยังคงเป็นไปตามแผนงานเดิมทั้งหมด

ส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (ซีดีโอ) ธนาคารได้มีการตีมูลค่าตามตลาด (Mark to Market) 70% แล้ว

ประสารหวั่นยืดเยื้อ-ไม่ขอเลือกข้าง
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ปัญหาการชุมนุมในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ โดยไม่เห็นว่าทางออกจะเป็นอย่างไร ส่วนการจะให้เลือกข้างใดข้างหนึ่งนั้นคงไม่เลือก เพราะขาดความชอบธรรมทั้งคู่ โดยฟากที่มีอำนาจปกครองก็ต้องมีคุณธรรมและซื่อสัตย์ อย่าใช้อำนาจตามความพอใจ เพราะจะทำให้เกิดความเกลียดชัง ส่วนในอีกด้านแล้วตามพื้นฐานก็ต้องเคารพกฎหมายถ้าไม่เคารพก็อยู่ไม่ได้

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวคงจะกระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะการจะลงทุนนั้นจะต้องดูว่าบ้านเมืองที่จะไปลงทุนนั้นมีกฎระเบียบอย่างไร คนต้องเคารพกฎหมาย แล้วก็จะต้องดูคุณภาพของรัฐบาลและนโยบาย แต่ตอนนี้ที่เป็นอยู่ในประเทศก็คือมีคนไม่น้อยที่ไม่วางใจรัฐบาลและแสดงออกด้วยการไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งไม่รู้ว่านักลงทุนหนีออกไปหรือไม่ แต่โดยรวมแล้วถือเป็นสิ่งที่ไม่ดี

"การเมืองแย่ทั้ง 2 ข้าง บ้านเมืองจะอยู่ได้ก็ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย การปกครองบ้านเมืองก็ต้องคำนึงถึงคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ตอนนี้ปัญหาเกิดทั้ง 2 ข้าง และพวกนักลงทุนระยะยาวก็คงหนีไม่พ้นที่จะคิดเรื่องนี้ ตัวแปรมันไม่ดี ก็มองไม่เห็นทางออกว่าเป็นอย่างไร และเรื่องก็คงยืดเยื้อแต่ผมไม่เลือกทั้ง 2 ข้าง"

นายประสาร กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินธุรกิจต่างๆ นั้นก็ได้ระวังในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่การที่เป็นคนไทยที่ต้องทำธุรกิจในประเทศไทยก็คงไม่มีทางเลือก แต่หากเป็นต่างชาติก็คงจะไม่เข้ามาลงทุน ส่วนแผนธุรกิจตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการปรับแผนอะไรหากเป็นส่วนที่มีอยู่แล้ว แต่หากเป็นส่วนที่ต้องลงทุนเพิ่มก็คงต้องพิจารณาอีกที

สำหรับเศรษฐกิจไทยก็ยังคงต้องเดินต่อไปไม่ว่าภาระการเมืองจะเป็นอย่างไร ส่วนของธุรกิจธนาคารนั้นก็คงต้องประเมินดูว่ามีภาคธุรกิจใดที่ได้รับผลกระทบบ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น