บิ๊กแบงก์ทหารไทยเผยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์อัดฉีดเงินให้แก่กลุ่มไอเอ็นจีถึง 1 หมื่นล้านยูโร เป็นการเสริมความเข้มแข็งทั้งเครือ ชี้ไม่สะเทือนธุรกิจทหารไทย ระบุผลการดำเนินงานปี 52 ยังคงมีกำไร ด้านผู้บริหารต่างชาติแจงยิบเงินเพิ่มทุนที่ได้รับจะนำไปใช้เพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นไอเอ็นจีแบงก์ เพิ่มความแข็งแกร่งงบการเงินไอเอ็นจี อินชัวร์รันซ์ และนำไปลดอัตราหนี้สินต่อทุนของไอเอ็นจีกรุ๊ปให้เหลือ 10%
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศอัดฉีดเม็ดเงินถึง 10,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือธนาคารไอเอ็นจี ซึ่งเป็นธนาคาร 1 ใน 20 แห่งของโลกที่มีขนาดใหญ่ หลังธนาคารหลายแห่งประสบปัญหาวิกฤตการณ์การเงินสหรัฐในขณะนี้ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ ING BANK N.V. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในต่างประเทศที่เข้ามาถือหุ้นทหารไทยในขณะนี้ จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของทหารไทย
“รัฐบาลเนธอร์แลนด์ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้ามา ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นที่ 1 ของไอเอ็นจีเพิ่มขึ้นเป็น 8% ซึ่งยังคงเป็นสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์เป็นอันดับ 2 ของโลก”นายบุญทักษ์กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจาก ไอเอ็นจี รีเทลแบงก์เอเชีย กล่าวว่า เงินเพิ่มทุนจำนวน 10,000 ล้านยูโรจะนำไปใช้เพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นไอเอ็นจีแบงก์จำนวน 50,000 ล้านยูโร เพิ่มความแข็งแกร่งงบการเงินของไอเอ็นจี อินชัวร์รันซ์ จำนวน 2,000 ล้านยูโร และที่เหลืออีก 3,0000 ล้านยูโรจะนำไปใช้ในการลดอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี เรโช) ของไอเอ็นจีกรุ๊ป จาก 15% ให้เหลือประมาณ 10%
“ไอเอ็นจีมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเจริญเติบโตในเอเชียและจะประเมินโอกาสที่จะทำให้เราสามารถเร่งการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป”แหล่งข่าวไอเอ็นจี รีเทลแบงก์เอเชียกล่าว
อนึ่ง ข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างไอเอ็นจี กระทรวงการคลัง และธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์มีขึ้น หลังจากที่ไอเอ็นจีได้เปิดเผยว่าอาจต้องขาดทุนประมาณ 500 ล้านยูโร ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินโลกที่เกิดขึ้น อีกทั้งมีข่าวลือว่าไอเอ็นจีขาดสภาพคล่องอย่างนัก ทำให้ราคาหุ้นลดลงถึง 27.5%
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ธนาคารทหารไทยยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปี 2551 จะยังมีกำไร เนื่องจากธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,666 ล้านบาท ซึ่งมาจากการดำเนินงานตามปกติในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และคาดว่าธนาคารจะได้กำไรพิเศษจากการขายหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) รวมทั้งสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในงบการเงินไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แม้ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัวอาจมีความเสี่ยงให้ราคาขายไม่ดีอย่างที่คาดไว้
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศอัดฉีดเม็ดเงินถึง 10,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือธนาคารไอเอ็นจี ซึ่งเป็นธนาคาร 1 ใน 20 แห่งของโลกที่มีขนาดใหญ่ หลังธนาคารหลายแห่งประสบปัญหาวิกฤตการณ์การเงินสหรัฐในขณะนี้ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ ING BANK N.V. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในต่างประเทศที่เข้ามาถือหุ้นทหารไทยในขณะนี้ จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของทหารไทย
“รัฐบาลเนธอร์แลนด์ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้ามา ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นที่ 1 ของไอเอ็นจีเพิ่มขึ้นเป็น 8% ซึ่งยังคงเป็นสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์เป็นอันดับ 2 ของโลก”นายบุญทักษ์กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจาก ไอเอ็นจี รีเทลแบงก์เอเชีย กล่าวว่า เงินเพิ่มทุนจำนวน 10,000 ล้านยูโรจะนำไปใช้เพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นไอเอ็นจีแบงก์จำนวน 50,000 ล้านยูโร เพิ่มความแข็งแกร่งงบการเงินของไอเอ็นจี อินชัวร์รันซ์ จำนวน 2,000 ล้านยูโร และที่เหลืออีก 3,0000 ล้านยูโรจะนำไปใช้ในการลดอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี เรโช) ของไอเอ็นจีกรุ๊ป จาก 15% ให้เหลือประมาณ 10%
“ไอเอ็นจีมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเจริญเติบโตในเอเชียและจะประเมินโอกาสที่จะทำให้เราสามารถเร่งการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป”แหล่งข่าวไอเอ็นจี รีเทลแบงก์เอเชียกล่าว
อนึ่ง ข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างไอเอ็นจี กระทรวงการคลัง และธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์มีขึ้น หลังจากที่ไอเอ็นจีได้เปิดเผยว่าอาจต้องขาดทุนประมาณ 500 ล้านยูโร ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินโลกที่เกิดขึ้น อีกทั้งมีข่าวลือว่าไอเอ็นจีขาดสภาพคล่องอย่างนัก ทำให้ราคาหุ้นลดลงถึง 27.5%
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ธนาคารทหารไทยยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปี 2551 จะยังมีกำไร เนื่องจากธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,666 ล้านบาท ซึ่งมาจากการดำเนินงานตามปกติในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และคาดว่าธนาคารจะได้กำไรพิเศษจากการขายหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) รวมทั้งสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในงบการเงินไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แม้ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัวอาจมีความเสี่ยงให้ราคาขายไม่ดีอย่างที่คาดไว้
