กลุ่มชิ้นส่วนไตรมาสนี้กำไรลด เหตุผลกระทบจากค่าเงิน โดย KCE และ TEAM รับผลขาดทุนหนัก ขณะที่ SPPT ฟื้นกำไรพร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 12 สตางค์ ส่วนที่เหลือกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง EIC กำไรโตสุด 91%
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสนี้กำไรสุทธิรวม 1,895.10 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 1,946.69 ล้านบาท หรือลดลง 2.65% โดยหลายบริษัทอ้างรับผลกระทบจากค่าเงิน ขณะที่บางบริษัทกลับได้รับผลดี KCE และ TEAM รับผลขาดทุนหนัก ขณะที่ SPPT ฟื้นกำไรสตางค์ ส่วนที่เหลือกำไรยังพบว่าเติบโตได้ต่อเนื่องพร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล EIC กำไรโตสุด 91%
KCE และ TEAM กอดคอวูบ
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (KCE ) ไตรมาสนี้ขาดทุน 101.30 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท หรือขาดทุน 266% แม้จะมียอดขาย 2,021 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) เทียบกับยอดขายของไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งยอดขายไตรมาสปีนี้ถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาทระดับที่ใกล้เคียงกันที่อัตรากว่า 8 % ทำให้ยอดขายเงินบาทอยู่ในระดับทรงตัว อีกทั้งจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เปลี่ยนทิศทางและกลับมาอ่อนค่าลงในปลายไตรมาสสองทำให้บริษัทฯได้รับผลกระทบจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากเงินตราต่างประเทศที่ทำไว้แต่เดิม เพราะค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงไปมากกว่าระดับที่ทำสัญญาขายล่วงหน้าไว้ จึงเกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 110 ล้านบาท
บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) (TEAM) ไตรมาส 2 ปีนี้กำไรตก 53% อันเป็นผลจากกำไรขั้นต้นลดลง 11% ของรายได้จากการขาย เนื่องจากยอดขายลดลง โดยยอดขายรวมมี 359 ล้านบาทหรือลดลง 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะตลาดสหรัฐ เพราะการชะลอคำสั่งซื้อตามภาวะอ่อนตัวของความต้องการของตลาดและการลดลงของรายได้ รวมทั้งผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนกระทบ 7 % ของยอดรายได้ บริษัทฯมุ่งทำตลาดเพื่อหาลูกค้าและขยายฐานในภูมิภาคยุโรปเพื่อเป็นลดและกระจายความเสี่ยงด้านการตลาดต่อไป
SPPT ฟื้นกำไร
บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(SPPT) แจ้งงบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ มี 0.40 ล้านบาท หรือ 1,682.50 % ผลดีที่ได้บัตรส่งเสริมการลงทุนฉบับที่ 1 ได้หมดอายุเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2548 ซึ่งได้รับประโยชน์ทางภาษีอีกครั้งเมื่อ 7 พฤษภาคม 2550 หลังจากได้โอนย้ายไปทำการผลิตที่สวนอุตสาหกรรมอินทรา จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้ประหยัดค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลได้มากแต่กำไรขั้นต้นลดเล็กน้อย พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.12 บาท
ส่วนใหญ่กำไรโตต่อเนื่อง
DELTA บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DELTA ) แจ้งผลไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรเพิ่ม 3% แม้ยอดขายสกุลเงินบาทลดลง แต่ยอดขายสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับเพิ่มขึ้น 7% ดังนั้น การลดลงของยอดขายสกุลเงินบาทจึงเกิดจากการเพิ่มค่าของเงินบาทต่อเนื่องถึงไตรมาสนี้ ขณะที่บริษัทฯ ยังคงมุ่งกลยุทธ์การให้ความสำคัญแก่ผลิตภัณฑ์ที่มีทคโนโลยีสูงขึ้นนั้น ทำให้ยอดขาย (สกุลดอลล่าร์สหรัฐ) ส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ DESBG ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ESBG ก็ยังคงทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ยอดขายกลุ่ม PSBG และ HPBG ลดลง แต่กำไรขั้นต้นสูงเกิน 23%
บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET ) ไตรมาส 2 ปีนี้ขยับ 1%
เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายจากสินค้าแผ่น PC Board ซึ่งเพิ่มทั้งจากกลุ่มลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ส่วนต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น และบอร์ดให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งแรกปี 51 หุ้นละ 0.20 บาท กำหนดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล วันที่ 10 กันยายน 2551
บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (EIC ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้กำไรพุ่ง 91% เพราะยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนบริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) (HANA) ไตรมาสนี้เพิ่ม 26% เนื่องมาจากต้นทุนที่ลดลงของบริษัทในเครือที่เจียซิง รวมทั้งไตรมาสที่ 2 ปี 50 มีการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้าคงเหลือ 48 ล้านบาท ซึ่งลดลงเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ไม่มีรายการดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
SVI หรือ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) ผลงานงวดนี้มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเกือบ 71% จากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นสูง เพราะต้นทุนวัตถุดิบลดลง โดยวัตถุดิบบางตัวซื้อจากต่างประเทศเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าช่วงต้นไตรมาส อีกทั้งประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโรงงาน และยอดขายเงินบาทเพิ่มขึ้น
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสนี้กำไรสุทธิรวม 1,895.10 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 1,946.69 ล้านบาท หรือลดลง 2.65% โดยหลายบริษัทอ้างรับผลกระทบจากค่าเงิน ขณะที่บางบริษัทกลับได้รับผลดี KCE และ TEAM รับผลขาดทุนหนัก ขณะที่ SPPT ฟื้นกำไรสตางค์ ส่วนที่เหลือกำไรยังพบว่าเติบโตได้ต่อเนื่องพร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล EIC กำไรโตสุด 91%
KCE และ TEAM กอดคอวูบ
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (KCE ) ไตรมาสนี้ขาดทุน 101.30 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท หรือขาดทุน 266% แม้จะมียอดขาย 2,021 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) เทียบกับยอดขายของไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งยอดขายไตรมาสปีนี้ถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาทระดับที่ใกล้เคียงกันที่อัตรากว่า 8 % ทำให้ยอดขายเงินบาทอยู่ในระดับทรงตัว อีกทั้งจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เปลี่ยนทิศทางและกลับมาอ่อนค่าลงในปลายไตรมาสสองทำให้บริษัทฯได้รับผลกระทบจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากเงินตราต่างประเทศที่ทำไว้แต่เดิม เพราะค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงไปมากกว่าระดับที่ทำสัญญาขายล่วงหน้าไว้ จึงเกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 110 ล้านบาท
บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) (TEAM) ไตรมาส 2 ปีนี้กำไรตก 53% อันเป็นผลจากกำไรขั้นต้นลดลง 11% ของรายได้จากการขาย เนื่องจากยอดขายลดลง โดยยอดขายรวมมี 359 ล้านบาทหรือลดลง 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะตลาดสหรัฐ เพราะการชะลอคำสั่งซื้อตามภาวะอ่อนตัวของความต้องการของตลาดและการลดลงของรายได้ รวมทั้งผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนกระทบ 7 % ของยอดรายได้ บริษัทฯมุ่งทำตลาดเพื่อหาลูกค้าและขยายฐานในภูมิภาคยุโรปเพื่อเป็นลดและกระจายความเสี่ยงด้านการตลาดต่อไป
SPPT ฟื้นกำไร
บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(SPPT) แจ้งงบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ มี 0.40 ล้านบาท หรือ 1,682.50 % ผลดีที่ได้บัตรส่งเสริมการลงทุนฉบับที่ 1 ได้หมดอายุเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2548 ซึ่งได้รับประโยชน์ทางภาษีอีกครั้งเมื่อ 7 พฤษภาคม 2550 หลังจากได้โอนย้ายไปทำการผลิตที่สวนอุตสาหกรรมอินทรา จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้ประหยัดค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลได้มากแต่กำไรขั้นต้นลดเล็กน้อย พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.12 บาท
ส่วนใหญ่กำไรโตต่อเนื่อง
DELTA บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DELTA ) แจ้งผลไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรเพิ่ม 3% แม้ยอดขายสกุลเงินบาทลดลง แต่ยอดขายสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับเพิ่มขึ้น 7% ดังนั้น การลดลงของยอดขายสกุลเงินบาทจึงเกิดจากการเพิ่มค่าของเงินบาทต่อเนื่องถึงไตรมาสนี้ ขณะที่บริษัทฯ ยังคงมุ่งกลยุทธ์การให้ความสำคัญแก่ผลิตภัณฑ์ที่มีทคโนโลยีสูงขึ้นนั้น ทำให้ยอดขาย (สกุลดอลล่าร์สหรัฐ) ส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ DESBG ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ESBG ก็ยังคงทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ยอดขายกลุ่ม PSBG และ HPBG ลดลง แต่กำไรขั้นต้นสูงเกิน 23%
บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET ) ไตรมาส 2 ปีนี้ขยับ 1%
เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายจากสินค้าแผ่น PC Board ซึ่งเพิ่มทั้งจากกลุ่มลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ส่วนต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น และบอร์ดให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งแรกปี 51 หุ้นละ 0.20 บาท กำหนดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล วันที่ 10 กันยายน 2551
บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (EIC ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้กำไรพุ่ง 91% เพราะยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนบริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) (HANA) ไตรมาสนี้เพิ่ม 26% เนื่องมาจากต้นทุนที่ลดลงของบริษัทในเครือที่เจียซิง รวมทั้งไตรมาสที่ 2 ปี 50 มีการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้าคงเหลือ 48 ล้านบาท ซึ่งลดลงเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ไม่มีรายการดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
SVI หรือ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) ผลงานงวดนี้มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเกือบ 71% จากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นสูง เพราะต้นทุนวัตถุดิบลดลง โดยวัตถุดิบบางตัวซื้อจากต่างประเทศเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าช่วงต้นไตรมาส อีกทั้งประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโรงงาน และยอดขายเงินบาทเพิ่มขึ้น