ต่อลมหายใจอีกเฮือก ธปท.ยอมผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบอร์ดแบงก์ให้สามารถทำตามเงื่อนไขสัญญาเดิมได้ สำหรับสัญญาที่ทำก่อนวันที่ 3 ส.ค.51 จนกว่าจะครบอายุสัญญา ส่วนสัญญาประเภทชำระเงินเมื่อทวงถามหรือเรียกให้ชำระคืนสามารถดำเนินการได้ตามสัญญาเดิมอีกไม่เกิน 1 ปี หวังไม่ให้กระทบช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการเงินฉบับใหม่-เก่า
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในจดหมายเวียนถึงสถาบันการเงินในระบบทุกแห่งเกี่ยวกับการผ่อนผันเป็นการชั่วคราวตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่สำหรับสัญญาการให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อให้แก่ลูกค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรรมการสถาบันการเงิน ซึ่งมีผลให้อัตราส่วนทั้งการกำกับลูกหนี้รายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงได้อนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถทำธุรกรรมตามสัญญาเดิมต่อไปได้
โดยแนวทางการผ่อนผันในกรณีสัญญามีกำหนดอายุ (Term loan) ก่อนวันที่กฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาให้สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไปได้จนกว่าจะครบกำหนดอายุสัญญา ส่วนกรณีที่สัญญามีกำหนดการชำระเงินเมื่อทวงถามหรือเรียกให้ชำระคืน (Call loan) ให้เป็นไปตามสัญญาเดิมต่อไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ หรือประมาณวันที่ 3 ส.ค.52 ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินรายใดได้ขอผ่อนผันจากธปท.ให้แก่ลูกหนี้เฉพาะรายแล้วก็สามารถดำเนินการตามข้อผ่อนผันดังกล่าวที่ธปท.อนุญาตได้
ขณะเดียวกันสถาบันการเงินจะต้องมีการจัดเก็บเอกสาร และข้อมูลยอดคงค้างของลูกหนี้ทุกรายที่เข้าข่ายหรือได้รับการผ่อนผันดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธปท.สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ การผ่อนผันหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินและการประกอบธุรกิจของกิจการต่างๆ ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงระหว่างกฎหมายฉบับเก่ากับฉบับใหม่
อนึ่งใน พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ฉบับใหม่นี้ส่วนหนึ่งได้กำหนดให้การปล่อยสินเชื่อแก่บุคคลต่างๆ มีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันการปล่อยกู้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ หรือกรรมการที่เข้าข่ายมีอำนาจจัดการในบริษัทอื่นๆ และมีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 20%ขึ้นไป รวมทั้งให้นับรวมการให้สินเชื่อแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการทั้งคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขณะเดียวกันวงเงินให้กู้กับลูกค้าเฉพาะราย (Single Landing Limit) หรือ SLL ในสัดส่วนที่ไม่ให้เกิน 25%ของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินแห่งนั้น ซึ่งนับรวมกับการให้สินเชื่อแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการด้วย
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในจดหมายเวียนถึงสถาบันการเงินในระบบทุกแห่งเกี่ยวกับการผ่อนผันเป็นการชั่วคราวตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่สำหรับสัญญาการให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อให้แก่ลูกค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรรมการสถาบันการเงิน ซึ่งมีผลให้อัตราส่วนทั้งการกำกับลูกหนี้รายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงได้อนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถทำธุรกรรมตามสัญญาเดิมต่อไปได้
โดยแนวทางการผ่อนผันในกรณีสัญญามีกำหนดอายุ (Term loan) ก่อนวันที่กฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาให้สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไปได้จนกว่าจะครบกำหนดอายุสัญญา ส่วนกรณีที่สัญญามีกำหนดการชำระเงินเมื่อทวงถามหรือเรียกให้ชำระคืน (Call loan) ให้เป็นไปตามสัญญาเดิมต่อไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ หรือประมาณวันที่ 3 ส.ค.52 ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินรายใดได้ขอผ่อนผันจากธปท.ให้แก่ลูกหนี้เฉพาะรายแล้วก็สามารถดำเนินการตามข้อผ่อนผันดังกล่าวที่ธปท.อนุญาตได้
ขณะเดียวกันสถาบันการเงินจะต้องมีการจัดเก็บเอกสาร และข้อมูลยอดคงค้างของลูกหนี้ทุกรายที่เข้าข่ายหรือได้รับการผ่อนผันดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธปท.สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ การผ่อนผันหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินและการประกอบธุรกิจของกิจการต่างๆ ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงระหว่างกฎหมายฉบับเก่ากับฉบับใหม่
อนึ่งใน พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ฉบับใหม่นี้ส่วนหนึ่งได้กำหนดให้การปล่อยสินเชื่อแก่บุคคลต่างๆ มีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันการปล่อยกู้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ หรือกรรมการที่เข้าข่ายมีอำนาจจัดการในบริษัทอื่นๆ และมีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 20%ขึ้นไป รวมทั้งให้นับรวมการให้สินเชื่อแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการทั้งคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขณะเดียวกันวงเงินให้กู้กับลูกค้าเฉพาะราย (Single Landing Limit) หรือ SLL ในสัดส่วนที่ไม่ให้เกิน 25%ของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินแห่งนั้น ซึ่งนับรวมกับการให้สินเชื่อแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการด้วย