น้ำประปาไทย เจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทใหม่ หวังยืดระยะเวลาเวลาการจ่ายคืนหนี้-ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 600 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร เผยเตรียมงัดแผนสำรองขายหุ้นกู้ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ หากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมเดินหน้าโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 1 แสนลบ.ม.ต่อวัน มูลค่า 1.3-1.4 พันล้านบาท หนุนเป้ารายได้ปี 51 นี้แตะ 3.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันเล็งปรับราคาขายน้ำต้นปีหน้า หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่ง
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยถึง แผนดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้มูลค่ารวม 10,040 ล้านบาท โดยจะเจรจาขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ จากเดิมกำหนดให้ชำระคืนภายใน 5 ปี รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้
สำหรับรายละเอียดของหนี้สินจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย วงเงินกู้ของบริษัทเองจำนวน 6,500 ล้านบาท กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ MLR-1 และวงเงินกู้ของบริษัท น้ำประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) จำนวน 3,500 ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย ที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายรวมปีละ 500-600 ล้านบาท
"บริษัทจะเจรจาขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละปี โดยเบื้องต้นจะเจรจาในส่วนของน้ำประปาไทยก่อน หากสำเร็จเป็นที่น่าพอใจก็จะเจรจาในส่วนของน้ำประปาปทุมธานีต่อไป หลังจากนั้นจะมีการเจรจากขอกู้เพิ่มเพื่อนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมของบริษัท"
สำหรับแผนสำรองในกรณีที่การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ไม่ประสบผลสำเร็จนั้น นายสมโพธิ กล่าว บริษัทจะปรับแผนไปใช้แนวทางการออกและเสนอขายหุ้นกู้แทน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มอบหมายให้บริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด ทำการจัดอันดับเครดิต และคาดว่าจะสามารถประกาศผลได้ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเสนอขายในวงเงินประมาณ 11,040 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ทั้งหมด และส่วนเงินที่เหลือบริษัทจะเตรียมไว้รองรับการลงทุนในโครงการใหม่
ส่วนโครงการลงทุนใหม่ๆ นั้น บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีก 100,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้
นายสมโพธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 51 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งปี 3,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10.76% โดยในปี 50 บริษัทมีรายได้รวม 3,250 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,020 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทได้รับปริมาณการรับซื้อน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องรับซื้อเพิ่มอีก 5 หมื่นลบ.ม. ต่อวัน จาก 2.5 แสนลบ.ม. ต่อวัน เป็น 3 แสนลบ.ม.ต่อวัน ในส่วนของ TTW ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากกำลังการผลิตรวม 3.2 แสนลบ.ม ต่อวัน
ขณะเดียวกันโรงกรองน้ำแห่งที่ 2 ของบริษัทประปาปทุมธานี ก่อสร้างเสร็จ และเริ่มจ่ายน้ำในวันที่ 1 สิงหาคมนั้น ซึ่งกปภ.ได้ปรับเพิ่มปริมาณรับซื้อน้ำขั้นต่ำอีก 5 หมื่นลบ.ม จาก 2.6 แสนลบ.มต่อวัน เป็น 3.1 แสนลบ.ม ที่มีกำลังการผลิต3.88 แสนลบ.มต่อวัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/51 นั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 875.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายไดรวม 509.39 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 370.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9% จากไตรมาส 2/50 ที่มีกำไรสุทธิ 229.92 ล้านบาท เพราะความต้องการใช้น้ำประปาในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนในพื้นที่จ่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการลดการใช้น้ำบาดาล ทำให้บริษัทมียอดการขายน้ำจำนวน 55.2 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากไตรมาส2/50 ทีมียอดขายน้ำ 22.6 ล้านลบ.ม. (ไม่รวม PTW)
ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 1,733.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 989.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 615.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9% จากครึ่งปีแรกปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 452.88 ล้านบาท โดยมียอดการจ่ายน้ำอยู่ที่ 109.2 ล้านลบ.ม.เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกปีก่อนที่ 44.1 ล้านลบ.ม.(ไม่รวม PTW)
"บริษัทมีกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเกิดจากการยอดขายน้ำที่สูงขึ้น และจากการที่บริษัทมีการชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้น 3 พันล้านบาท หลังจากได้เงินระดมทุนในการขายหุ้นทำให้บริษัทลดภาระดอกเบี้ยประมาณ 16 ล้านบาทต่อเดือน"
ทั้งนี้จากการที่ดัชนีผู้บริโภค (CPI) ประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคมนั้นเงินเฟ้อได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.2% ทำให้บริษัทประปาปทุมธานีทราบว่าจะมีการปรับราคาขายน้ำแก่กปภ.ขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอีก 9.2% ในเดือนมกราคม 2552 จากปัจจุบันที่มีราคาขายน้ำที่ 10.52 บาทต่อลบ.ม. แต่การปรับขึ้นอัตราขายน้ำของบริษัทน้ำประปาจะต้องรอผลการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมนี้ก่อน เพื่อจะคำนวณเป็นราคาขาย ซึ่งมีผลในเดือนมกราคม 2552 เช่นกัน ซึ่งจากการขายน้ำขั้นต่ำที่มากขึ้นและจากการปรับเพิ่มราคาขายน้ำนั้นจะส่งผลให้รายได้ และกำไรของบริษัทในปีหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นขึ้นจากปีนี้
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยถึง แผนดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้มูลค่ารวม 10,040 ล้านบาท โดยจะเจรจาขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ จากเดิมกำหนดให้ชำระคืนภายใน 5 ปี รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้
สำหรับรายละเอียดของหนี้สินจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย วงเงินกู้ของบริษัทเองจำนวน 6,500 ล้านบาท กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ MLR-1 และวงเงินกู้ของบริษัท น้ำประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) จำนวน 3,500 ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย ที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายรวมปีละ 500-600 ล้านบาท
"บริษัทจะเจรจาขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละปี โดยเบื้องต้นจะเจรจาในส่วนของน้ำประปาไทยก่อน หากสำเร็จเป็นที่น่าพอใจก็จะเจรจาในส่วนของน้ำประปาปทุมธานีต่อไป หลังจากนั้นจะมีการเจรจากขอกู้เพิ่มเพื่อนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมของบริษัท"
สำหรับแผนสำรองในกรณีที่การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ไม่ประสบผลสำเร็จนั้น นายสมโพธิ กล่าว บริษัทจะปรับแผนไปใช้แนวทางการออกและเสนอขายหุ้นกู้แทน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มอบหมายให้บริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด ทำการจัดอันดับเครดิต และคาดว่าจะสามารถประกาศผลได้ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเสนอขายในวงเงินประมาณ 11,040 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ทั้งหมด และส่วนเงินที่เหลือบริษัทจะเตรียมไว้รองรับการลงทุนในโครงการใหม่
ส่วนโครงการลงทุนใหม่ๆ นั้น บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีก 100,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้
นายสมโพธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 51 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งปี 3,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10.76% โดยในปี 50 บริษัทมีรายได้รวม 3,250 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,020 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทได้รับปริมาณการรับซื้อน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องรับซื้อเพิ่มอีก 5 หมื่นลบ.ม. ต่อวัน จาก 2.5 แสนลบ.ม. ต่อวัน เป็น 3 แสนลบ.ม.ต่อวัน ในส่วนของ TTW ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากกำลังการผลิตรวม 3.2 แสนลบ.ม ต่อวัน
ขณะเดียวกันโรงกรองน้ำแห่งที่ 2 ของบริษัทประปาปทุมธานี ก่อสร้างเสร็จ และเริ่มจ่ายน้ำในวันที่ 1 สิงหาคมนั้น ซึ่งกปภ.ได้ปรับเพิ่มปริมาณรับซื้อน้ำขั้นต่ำอีก 5 หมื่นลบ.ม จาก 2.6 แสนลบ.มต่อวัน เป็น 3.1 แสนลบ.ม ที่มีกำลังการผลิต3.88 แสนลบ.มต่อวัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/51 นั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 875.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายไดรวม 509.39 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 370.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9% จากไตรมาส 2/50 ที่มีกำไรสุทธิ 229.92 ล้านบาท เพราะความต้องการใช้น้ำประปาในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนในพื้นที่จ่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการลดการใช้น้ำบาดาล ทำให้บริษัทมียอดการขายน้ำจำนวน 55.2 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากไตรมาส2/50 ทีมียอดขายน้ำ 22.6 ล้านลบ.ม. (ไม่รวม PTW)
ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 1,733.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 989.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 615.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9% จากครึ่งปีแรกปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 452.88 ล้านบาท โดยมียอดการจ่ายน้ำอยู่ที่ 109.2 ล้านลบ.ม.เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกปีก่อนที่ 44.1 ล้านลบ.ม.(ไม่รวม PTW)
"บริษัทมีกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเกิดจากการยอดขายน้ำที่สูงขึ้น และจากการที่บริษัทมีการชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้น 3 พันล้านบาท หลังจากได้เงินระดมทุนในการขายหุ้นทำให้บริษัทลดภาระดอกเบี้ยประมาณ 16 ล้านบาทต่อเดือน"
ทั้งนี้จากการที่ดัชนีผู้บริโภค (CPI) ประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคมนั้นเงินเฟ้อได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.2% ทำให้บริษัทประปาปทุมธานีทราบว่าจะมีการปรับราคาขายน้ำแก่กปภ.ขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอีก 9.2% ในเดือนมกราคม 2552 จากปัจจุบันที่มีราคาขายน้ำที่ 10.52 บาทต่อลบ.ม. แต่การปรับขึ้นอัตราขายน้ำของบริษัทน้ำประปาจะต้องรอผลการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมนี้ก่อน เพื่อจะคำนวณเป็นราคาขาย ซึ่งมีผลในเดือนมกราคม 2552 เช่นกัน ซึ่งจากการขายน้ำขั้นต่ำที่มากขึ้นและจากการปรับเพิ่มราคาขายน้ำนั้นจะส่งผลให้รายได้ และกำไรของบริษัทในปีหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นขึ้นจากปีนี้