ซีวีดีฯ ไตรมาส 2 ปีนี้กำไรฮวบ 312 % จากการบันทึกปรับลดมูลค่าราคาตลาดของเงินลงทุนในตราสารทุนและยอดขายลด รวมทั้งกำไรขั้นต้นทรุดลง 86%
นางมลฤดี สุขพันธรัชต์ กรรมการ บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (CVD ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้สิ้นสุด 30 มิถุนายน 51 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 7.60 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.57 ล้านบาท หรือขาดทุน 312 % เนื่องจากการบันทึกปรับลดมูลค่าราคาตลาดของเงินลงทุนในตราสารทุนในความต้องการของตลาด (mark down) จำนวน 6.9 ล้านบาท
สำหรับรายได้ไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายลดลง 91% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้หยุดดำเนินงานส่วนงานการจำหน่ายภาพยนตร์วีดีโอเทป วีดีโอซีดี และดีวีดีพร้อมลิขสิทธิ์ และการจัดหาและจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ การให้บริการบรรจุหีบห่อสินค้าและให้เช่าพื้นที่คลังสินค้า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
ขณะที่รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 2,559% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจจัดกิจกรรมทางการตลาด และธุรกิจผลิตรายการทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่จัดตั้งเมื่อปลายเดือนกันยายน 2550
ส่วนกำไรขั้นต้น ลดลง 86% เป็นผลมาจากการเคลียร์ขายสินค้าของส่วนงานที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งได้มีการตั้งค่าเผื่อการเสื่อมสภาพไว้เมื่อปีก่อน และได้ทำการโอนกลับรายการขาดทุนจากสินค้าเสื่อมสภาพดังกล่าว และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 49% จากการลดค่าใช้จ่ายโดยรวม
นางมลฤดี สุขพันธรัชต์ กรรมการ บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (CVD ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้สิ้นสุด 30 มิถุนายน 51 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 7.60 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.57 ล้านบาท หรือขาดทุน 312 % เนื่องจากการบันทึกปรับลดมูลค่าราคาตลาดของเงินลงทุนในตราสารทุนในความต้องการของตลาด (mark down) จำนวน 6.9 ล้านบาท
สำหรับรายได้ไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายลดลง 91% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้หยุดดำเนินงานส่วนงานการจำหน่ายภาพยนตร์วีดีโอเทป วีดีโอซีดี และดีวีดีพร้อมลิขสิทธิ์ และการจัดหาและจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ การให้บริการบรรจุหีบห่อสินค้าและให้เช่าพื้นที่คลังสินค้า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
ขณะที่รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 2,559% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจจัดกิจกรรมทางการตลาด และธุรกิจผลิตรายการทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่จัดตั้งเมื่อปลายเดือนกันยายน 2550
ส่วนกำไรขั้นต้น ลดลง 86% เป็นผลมาจากการเคลียร์ขายสินค้าของส่วนงานที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งได้มีการตั้งค่าเผื่อการเสื่อมสภาพไว้เมื่อปีก่อน และได้ทำการโอนกลับรายการขาดทุนจากสินค้าเสื่อมสภาพดังกล่าว และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 49% จากการลดค่าใช้จ่ายโดยรวม