SCCC จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 6.50 บาท แม้ผลงานไตรมาส 2 ปีนี้กำไร 768 ล้านบาท หรือ 19 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 947.11 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายธุรกิจซีเมนต์ลดลง
นายมาร์เซลลินัส ไซม่อน เฮนดริกัส มาเรีย สมิธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จํากัด (มหาชน) (SCCC ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท ลดลงากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 947.11 ล้านบาท หรือลดลง 179.11 ล้านบาท คิดเป็น 19%
เนื่องจากในไตรมาสนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและรายได้รวมเป็นจำนวนเงิน 5,217 ล้านบาท และ5,266 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 ซึ่งลดลงร้อยละ 6.9 และ 8.3 จากจำนวนเงิน 5,605ล้านบาท และ 5,741 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2550 ตามลำดับ เนื่องจากยอดขายที่ลดลงใน
ส่วนงานธุรกิจซีเมนต์เป็นปัจจัยหลัก
ขณะที่ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 แสดงต้นทุนขายเป็นจำนวนเงิน 3,609ล้านบาท ซึ่งลดลง 361 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9.1 จากจำนวนเงิน 3,970 ล้านบาทสำหรับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการลดลงของปริมาณการขาย และการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 51 มีกำไรสุทธิของงบรวมจำนวน 1,781,997,000 บาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 51 มีกำไรสะสมของงบรวม 3,165,866,000 บาท และบริษัทฯ มีเงินสํารองตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว คณะกรรมการของบริษัทฯ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และข้อ 29 แห่งข้อบังคับของบริษัทฯ
ดังนั้น บอร์ดจึงได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 90 ซึ่งประชุมในวันที่ 7 สิงหาคม 51 ให้จ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล สำหรับครึ่งปีแรกของปี 51 ในอัตราหุ้นละ 6.50 บาท จำนวนเงินรวมสำหรับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับหุ้นจำนวน 230 ล้านหุ้น คือ 1,495 ล้านบาท และบริษัทกำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม 2551 เพื่อให้ทราบรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันเวลาดังกล่าว ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลภายในวันที่ 5 กันยายน 2551 โดยแต่งตั้ง บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว
นายมาร์เซลลินัส ไซม่อน เฮนดริกัส มาเรีย สมิธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จํากัด (มหาชน) (SCCC ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท ลดลงากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 947.11 ล้านบาท หรือลดลง 179.11 ล้านบาท คิดเป็น 19%
เนื่องจากในไตรมาสนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและรายได้รวมเป็นจำนวนเงิน 5,217 ล้านบาท และ5,266 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 ซึ่งลดลงร้อยละ 6.9 และ 8.3 จากจำนวนเงิน 5,605ล้านบาท และ 5,741 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2550 ตามลำดับ เนื่องจากยอดขายที่ลดลงใน
ส่วนงานธุรกิจซีเมนต์เป็นปัจจัยหลัก
ขณะที่ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 แสดงต้นทุนขายเป็นจำนวนเงิน 3,609ล้านบาท ซึ่งลดลง 361 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9.1 จากจำนวนเงิน 3,970 ล้านบาทสำหรับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการลดลงของปริมาณการขาย และการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 51 มีกำไรสุทธิของงบรวมจำนวน 1,781,997,000 บาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 51 มีกำไรสะสมของงบรวม 3,165,866,000 บาท และบริษัทฯ มีเงินสํารองตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว คณะกรรมการของบริษัทฯ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และข้อ 29 แห่งข้อบังคับของบริษัทฯ
ดังนั้น บอร์ดจึงได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 90 ซึ่งประชุมในวันที่ 7 สิงหาคม 51 ให้จ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล สำหรับครึ่งปีแรกของปี 51 ในอัตราหุ้นละ 6.50 บาท จำนวนเงินรวมสำหรับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับหุ้นจำนวน 230 ล้านหุ้น คือ 1,495 ล้านบาท และบริษัทกำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม 2551 เพื่อให้ทราบรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันเวลาดังกล่าว ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลภายในวันที่ 5 กันยายน 2551 โดยแต่งตั้ง บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว
