TSTH โชว์ผลงานไตรมาสแรกปีนี้ทะยานเกือบ 400% ผลดีจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูง ขณะที่ต้นทุนขายปรับขึ้นเล็กน้อย ดันให้กำไรขึ้นต้นพุ่ง บวกกับปริมาณขายสูงจากความต้องการเหล็กแท่งในตลาดโลกทำให้เกิดราคาเหล็กแท่งขยับตัวสูงขึ้นอย่างมากและขาดแคลน ส่งผลดีต่อการดำเนินงาน พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ อัตราหุ้นละ 0.076 บาท
นายสันติ ชาญกลราวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( TSTH ) แจ้งผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2551 - 2552 (เมษายน - มิถุนายน 2551) ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,121.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 426.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 397.68 เนื่องมาจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิมขึ้นตันละ 12,600 บาท ในขณะที่ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นตันละ 6,100 บาท ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นตันละ 6,500 บาท นอกจากนี้ ยังเกิดจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจำนวน 52,000 ตัน
โดยบริษัทมียอดขายสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1/2551 - 2552 เป็นจำนวนเงิน 11,180 ล้านบาท จากปริมาณขาย 351,000 ตัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2550 - 2551 ซึ่งมียอดขายสุทธิ10,156 ล้านบาท จากปริมาณขาย 388,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และลดลง 10 ตามลำดับ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยไตรมาสนี้ อยู่ที่ตันละ 31,900 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตันละ 5,700 บาท ความต้องการเหล็กแท่งในตลาดโลกทำให้เกิดราคาเหล็กแท่งขยับตัวสูงขึ้นอย่างมากและขาดแคลน ส่งผลให้ราคาเศษเหล็ก เหล็กเส้นก่อสร้าง และเหล็กลวดปรับตัวสูงขึ้นแต่ปริมาณขายลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2550-2551 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 5,773 ล้านบาท จากปริมาณขาย 299,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 และ 17 ตามลำดับ โดยปริมาณขาย และราคาขายสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 52,000 ตัน และ 12,600 บาทต่อตันตามลำดับ สาเหตุหลักเนื่องจากการขาดแคลนของเหล็กแท่งและการสูงขึ้นของราคาเหล็กแท่งและสินค้าสำเร็จรูปจากการที่บริษัทมีเตาหลอมเป็นของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาเหล็กแท่งนำเข้าจากต่างประเทศจึงได้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล็กแท่งขาดแคลน รวมทั้งสามารถรักษาความต้องการสินค้าของบริษัทให้คงอยู่ในระดับที่สูง
พร้อมกันนี้ TSTH ยังแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 7 ของบริษัท เมื่อ 21 กรกฎาคม 2551 ว่าผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2550-2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ รวมจำนวน 8,421,540,848 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.076 บาท รวมเป็นเงิน 640,037,104.45 บาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ หลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เวลา 12:00 น.เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล และกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 20 สิงหาคม 2551
นายสันติ ชาญกลราวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( TSTH ) แจ้งผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2551 - 2552 (เมษายน - มิถุนายน 2551) ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,121.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 426.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 397.68 เนื่องมาจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิมขึ้นตันละ 12,600 บาท ในขณะที่ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นตันละ 6,100 บาท ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นตันละ 6,500 บาท นอกจากนี้ ยังเกิดจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจำนวน 52,000 ตัน
โดยบริษัทมียอดขายสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1/2551 - 2552 เป็นจำนวนเงิน 11,180 ล้านบาท จากปริมาณขาย 351,000 ตัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2550 - 2551 ซึ่งมียอดขายสุทธิ10,156 ล้านบาท จากปริมาณขาย 388,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และลดลง 10 ตามลำดับ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยไตรมาสนี้ อยู่ที่ตันละ 31,900 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตันละ 5,700 บาท ความต้องการเหล็กแท่งในตลาดโลกทำให้เกิดราคาเหล็กแท่งขยับตัวสูงขึ้นอย่างมากและขาดแคลน ส่งผลให้ราคาเศษเหล็ก เหล็กเส้นก่อสร้าง และเหล็กลวดปรับตัวสูงขึ้นแต่ปริมาณขายลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2550-2551 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 5,773 ล้านบาท จากปริมาณขาย 299,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 และ 17 ตามลำดับ โดยปริมาณขาย และราคาขายสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 52,000 ตัน และ 12,600 บาทต่อตันตามลำดับ สาเหตุหลักเนื่องจากการขาดแคลนของเหล็กแท่งและการสูงขึ้นของราคาเหล็กแท่งและสินค้าสำเร็จรูปจากการที่บริษัทมีเตาหลอมเป็นของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาเหล็กแท่งนำเข้าจากต่างประเทศจึงได้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล็กแท่งขาดแคลน รวมทั้งสามารถรักษาความต้องการสินค้าของบริษัทให้คงอยู่ในระดับที่สูง
พร้อมกันนี้ TSTH ยังแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 7 ของบริษัท เมื่อ 21 กรกฎาคม 2551 ว่าผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2550-2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ รวมจำนวน 8,421,540,848 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.076 บาท รวมเป็นเงิน 640,037,104.45 บาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ หลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เวลา 12:00 น.เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล และกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 20 สิงหาคม 2551
