BSECไตรมาส 2 ปีนี้กำไรแทบไม่ขยับ ขณะรายได้เพิ่มเกิน 20% ตามค่านายหน้าที่สูงขึ้น ตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตลอดจนส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท รวมทั้งดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อหลักทรัพย์ล้วนเพิ่มในทิศทางเดียวกัน
นางสาวเสาวคนธ์ ลิมอักษร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสนับสนุนธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 51 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 34.43 ล้านบาท เพิ่มเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.10 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 1.82% ขณะที่งวด 6 เดือนเพิ่มจาก 59.54 ล้านบาท เป็น 90.25 ล้านบาทหรือ 51.57 %
ขณะที่รายได้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.64 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20.27 % โดยที่รายได้หลักคือ ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 26.54 ล้านบาทคิดเป็น 20.68 % เมื่อเปรียบเทียบจาก 128.30 ล้านบาทในปี 50 เป็น 154.84 ล้านบาทในปี 51 ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตลอดจนส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ รายการดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 6.84 ล้านบาทหรือ 136.25 % ซึ่งแปรผันตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าบริษัทฯ ที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ รายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้ง กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้อื่น สวนทางกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 42.52 % และรายการดอกเบี้ยและเงินปันผลก็ลดลง อันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับลดลง
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 30.79 ล้านบาทหรือ 26.32%โดยเพิ่มขึ้นจาก116.96 ล้านบาทในปี 2550 เปรียบเทียบกับ 147.75 ล้านบาทในปี 51 ค่าใช้จ่ายหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น 106.72 %หรือ 2.59 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น39.68 % หรือ 4.88 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งสองรายการนี้แปรผันตามการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า ขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับ ผลการดำเนินงานเฉพาะบริษัทฯ ประจำงวดหกเดือนของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 90.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี50 จำนวน 30.71 ล้านบาทหรือ 51.57 %ในระหว่างไตรมาสแรกของปี 51 บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทฯ ย่อยในสัดส่วนการลงทุน 99.99 % ปรากฏผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนรวมมีผลกำไรสุทธิ 89.77 ล้านบาท
นางสาวเสาวคนธ์ ลิมอักษร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสนับสนุนธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 51 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 34.43 ล้านบาท เพิ่มเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.10 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 1.82% ขณะที่งวด 6 เดือนเพิ่มจาก 59.54 ล้านบาท เป็น 90.25 ล้านบาทหรือ 51.57 %
ขณะที่รายได้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.64 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20.27 % โดยที่รายได้หลักคือ ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 26.54 ล้านบาทคิดเป็น 20.68 % เมื่อเปรียบเทียบจาก 128.30 ล้านบาทในปี 50 เป็น 154.84 ล้านบาทในปี 51 ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตลอดจนส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ รายการดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 6.84 ล้านบาทหรือ 136.25 % ซึ่งแปรผันตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าบริษัทฯ ที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ รายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้ง กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้อื่น สวนทางกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 42.52 % และรายการดอกเบี้ยและเงินปันผลก็ลดลง อันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับลดลง
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 30.79 ล้านบาทหรือ 26.32%โดยเพิ่มขึ้นจาก116.96 ล้านบาทในปี 2550 เปรียบเทียบกับ 147.75 ล้านบาทในปี 51 ค่าใช้จ่ายหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น 106.72 %หรือ 2.59 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น39.68 % หรือ 4.88 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งสองรายการนี้แปรผันตามการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า ขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับ ผลการดำเนินงานเฉพาะบริษัทฯ ประจำงวดหกเดือนของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 90.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี50 จำนวน 30.71 ล้านบาทหรือ 51.57 %ในระหว่างไตรมาสแรกของปี 51 บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทฯ ย่อยในสัดส่วนการลงทุน 99.99 % ปรากฏผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนรวมมีผลกำไรสุทธิ 89.77 ล้านบาท
