ผู้จัดการรายวัน - POWER ส่งงบ 3 ไตรมาสแรกปี 50 พบผลงานดีขึ้น โดยไตรมาสแรกฟื้นกำไร ขณะที่ไตรมาส 2 และ 3 ขาดทุนลดลงมาก เหตุต้นทุนลดรายได้เพิ่ม และกำไรจากปรับหนี้ ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบฯ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ POWER ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ตลท. ยัง แขวน SP และ NP
บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER) แจ้งผลงานไตรมาสแรกปี 50 พบว่ามีกำไรสุทธิ 3.35 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 2.13 ล้านบาท โดยรายได้รวมเพิ่มเล็กน้อย จาก 65.18 ล้านบาท เป็น67. 96 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับเพิ่ม จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ จากการรับรู้กำไรจากการขายที่ดินแปลงหนึ่ง และดอกเบี้ยจ่ายลดจากการชำระคืนเงินยืมระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง
ส่วนไตรมาส 2 มีผลขาดทุนสุทธิ 8.19 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 147.43 ล้านบาท อันเป็นผลจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น101 ล้านบาท เป็น 103 ล้านบาท เพราะต้นทุนการดำเนินงานลดลง ดอกเบี้ยรับเพิ่มและกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ รวมทั้งกำไรจากการปรับหนี้ และดอกเบี้ยจ่ายลดเพราะบริษัทชำระคืนเงินกู้
ขณะที่ไตรมาส 3 มีผลขาดทุน 4.07 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 16.01 ล้านบาท โดยรายได้รวมลดลงจาก 130 ล้านบาทเหลือ 123 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายลดลงเกือบ 100 % ส่งผลให้ขาดทุนลดลงจาก 16.01 ล้านบาทในงวดเดียวกันปีก่อน 50 เหลือขาดทุนเพียง 4.07 ล้านบาทในปีนี้ เหตุรายได้จากงานก่อสร้างลดลง เนื่องจากกิจกรรมร่วมค้าแห่งหนึ่งถูกบอกเลิกสัญญา ทำให้บริษัทดังกล่าวหยุดการรับรู้รายได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังขึ้นเครื่องหมาย "SP" (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ POWER แม้จะส่งงบแล้ว แต่ แต่ผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินของ POWER ได้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ POWER ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อาจสั่งการให้ POWER แก้ไขงบการเงินดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม POWER เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างแก้ไขให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยคงเครื่องหมาย SP และ NP ต่อไป
บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER) แจ้งผลงานไตรมาสแรกปี 50 พบว่ามีกำไรสุทธิ 3.35 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 2.13 ล้านบาท โดยรายได้รวมเพิ่มเล็กน้อย จาก 65.18 ล้านบาท เป็น67. 96 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับเพิ่ม จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ จากการรับรู้กำไรจากการขายที่ดินแปลงหนึ่ง และดอกเบี้ยจ่ายลดจากการชำระคืนเงินยืมระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง
ส่วนไตรมาส 2 มีผลขาดทุนสุทธิ 8.19 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 147.43 ล้านบาท อันเป็นผลจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น101 ล้านบาท เป็น 103 ล้านบาท เพราะต้นทุนการดำเนินงานลดลง ดอกเบี้ยรับเพิ่มและกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ รวมทั้งกำไรจากการปรับหนี้ และดอกเบี้ยจ่ายลดเพราะบริษัทชำระคืนเงินกู้
ขณะที่ไตรมาส 3 มีผลขาดทุน 4.07 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 16.01 ล้านบาท โดยรายได้รวมลดลงจาก 130 ล้านบาทเหลือ 123 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายลดลงเกือบ 100 % ส่งผลให้ขาดทุนลดลงจาก 16.01 ล้านบาทในงวดเดียวกันปีก่อน 50 เหลือขาดทุนเพียง 4.07 ล้านบาทในปีนี้ เหตุรายได้จากงานก่อสร้างลดลง เนื่องจากกิจกรรมร่วมค้าแห่งหนึ่งถูกบอกเลิกสัญญา ทำให้บริษัทดังกล่าวหยุดการรับรู้รายได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังขึ้นเครื่องหมาย "SP" (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ POWER แม้จะส่งงบแล้ว แต่ แต่ผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินของ POWER ได้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ POWER ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อาจสั่งการให้ POWER แก้ไขงบการเงินดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม POWER เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างแก้ไขให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยคงเครื่องหมาย SP และ NP ต่อไป
