xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกกรอก” ไล่เข่น "ธาริษา" ต้องลาออก หากแนวคิด ธปท.ขัดแย้งรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุชาติ ธาดาธำรงเวช
รมช.คลัง เตรียมบุกคุยส่วนตัวกับ “ธาริษา” ยันเป้าหมายของประเทศไทย คือ growth targeting ไม่ใช่ inflation targeting แต่ถูกแบงก์ชาติงัดข้อมาตลอด ชี้มาตรฐานทั่วโลก ผู้ว่าฯ ธปท.ต้องลาออก หากมีแนวคิดขัดแย้งรัฐบาลในการบริหาร ศก. เพราะรัฐบาลมาจากคะแนนเสียงทั่วประเทศ พร้อมยกกรณี ดร.ป๋วย ที่เคยแสดงสปิริต แม้ตอนหลังจะพิสูจน์พบว่าไม่ผิด

วันนี้ (8 ส.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสความขัดแย้งในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุว่าในเร็วๆ นี้ ตนเองจะขอหารือเป็นการส่วนตัวกับผู้ว่าการ ธปท. เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายด้านการเงินและนโยบายทางด้านการคลัง

หากพิจารณาประเทศอื่นๆ ในโลก จะเห็นได้ว่าไม่มีประเทศใดเลยที่ธนาคารกลางของประเทศนั้น จะมีนโยบายที่ไม่เห็นด้วยหรือขัดแย้งต่อนโยบายของรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ และยิ่งมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อสาธารณชน และต่อสื่อมวลชนก็ยิ่งไม่มีให้เห็น คงจะมีแต่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่เป็น

ดังนั้นจึงมองว่า ถึงแม้ว่าการดำเนินนโยบายจะมีความแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม ก็ควรที่จะตกลงและหารือร่วมกันเป็นการภายในให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า และหากหารือร่วมกันแล้วยังตกลงกันไม่ได้ แต่ละฝ่ายก็ต้องมีจุดยืน แต่จะต้องไม่ขัดแย้งกันในเชิงนโยบาย

นายสุชาติ ยืนยันว่า เมื่อผู้ว่าการ ธปท. มีความคิดเห็นทางเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกับรัฐบาล ผู้ว่าการ ธปท.ก็ควรลาออกจากตำแหน่งเ พราะหากเศรษฐกิจมีปัญหา รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ตอบคำถามประชาชน

“ในอดีต เมื่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลก็ลาออกไป ดังเช่นสมัยอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าฯ ธปท. ซึ่งภายหลังก็ได้พิสูจน์แล้วว่าอาจารย์ป๋วยเป็นฝ่ายถูก”

นายสุชาติ ยอมรับว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นได้เต็มที่ประชาชนมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น กระทบผลผลิตของชาติ

“ผมมองว่าในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท.ที่มี นางธาริษา วัฒนเกส เป็นผู้ว่าการนั้นมีความแตกต่างกับมุมมองของกระทรวงการคลัง ที่มี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเป็นผู้กำหนดนโยบาย เริ่มจากการวิพากษ์ถึงการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของ ธปท.เรื่องมาตรการกันสำรอง 30% ของเงินทุนนำเข้าระยะสั้น ที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดทุน”

ต่อมาจนถึงการขยับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อในขณะที่กระทรวงการคลังต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง เพื่อหวังกระตุ้นการลงทุน รวมถึงการที่ รมว.คลังมองว่า การบริหารเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนของไทย ยังแกว่งตัว ต้องเร่งรัดให้มีการบริหารที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบที่จะมีต่อตำแหน่งของผู้ว่าการ ธปท.

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะหารือร่วมกับแบงก์ชาติเป็นการส่วนตัวนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ตนจะต้องเข้าไปหารือและปรึกษากับ นายวีรพงษ์ รามางกูร (ดร.โกร่ง) ประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจก่อน พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมา ดร.โกร่งไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นที่ผิดจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเลย

รมช.คลัง ย้ำด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (growth targeting) ไม่ใช่เรื่องของ การกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ (inflation targeting)

“เป้าหมายของประเทศไทย คือ growth targeting ไม่ใช่ inflation targeting ดังนั้น ผมจะต้องเดินเข้าไปคุยกับคุณธาริษา เขาก็เป็นรุ่นพี่ผม คนไทยคุยกันเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก”

ที่ผ่านมา ธปท.ใช้นโยบายการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) ในการดูแลเศรษฐกิจไทยโดยจะดูจากเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดสินค้าอาหารและพลังงาน รวมทั้งใช้ดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) เป็นดอกเบี้ยนโยบายในการส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้นโยบายการเงิน

ประเทศไทยจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ดังนั้น แบงก์ชาติจะดำเนินนโยบายอย่างไรนั้นก็ควรที่จะดูตัวอย่างจากประเทศอื่นๆ ในโลกด้วย ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชนหากมีการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดก็จะต้องอธิบายกับประชาชน แต่ถ้านโยบายของรัฐบาลไม่ผิดและเป็นสิ่งที่พึงกระทำก็จะต้องมีคนที่รับผิดชอบต่อประชาชนเช่นกันถ้าละเลยการปฏิบัติ ซึ่งเรื่องการบริหารนโยบายนี้ถือเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ จึงต้องเร่งหารือกับทางแบงก์ชาติ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันของนโยบายการเงินและการคลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น