ดร.วีระพงษ์ รามางกูร หรือ “ดร.โกร่ง” ขยับเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี” ดูแลเกี่ยวกับงานเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยจะสามารถเข้าร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีได้ คล้ายกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ
1) ผมรู้จักกับ “ดร.โกร่ง” มานาน... นานหลายปีทีเดียว เคยร่วมงาน เคยเคารพรัก และปัจจุบันก็ยังมีความรักอยู่
2) ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมคนอย่าง “ดร.โกร่ง” ที่มีคนกล่าวขานว่าเป็นลูกป๋าคนหนึ่ง ถึงเข้าไปทำงานให้คนพรรค์อย่าง “นายสมัคร” ได้ เพราะเห็นว่า คณะบุคคลที่ยึดครองอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ มีสภาพ “รัฐบาลจนตรอก” อาศัยฐาน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนเข้ามายึดครองอำนาจรัฐ โดยที่พรรคนี้ กกต.ก็ชี้ว่าเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคไปแล้ว ขณะนี้ รัฐบาลสมัครแทบไม่เหลือความชอบธรรมหรือการยอมรับให้ปกครองประเทศอีกต่อไป ถึงอยู่ในอำนาจก็ปกครองไม่ได้ เนื่องจากบริหารราชการผิดพลาด เสียหาย กระทำผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายมากเหลือเกิน ในรัฐบาลก็มีชนักติดหลังมากมายหลายคน ถึงขนาดริจะแก้รัฐธรรมนูญให้ตนเองพ้นผิด
ล่าสุด ถึงได้ดิ้นรนปรับ ครม. ซึ่งสื่อมวลชนที่รู้ทันก็วิจารณ์ว่า เป็นเพียงการทำศัลยกรรม “แต่งหน้าศพ” เพราะรัฐบาลคณะนี้เหมือนซากศพที่ตายไปแล้ว
ผู้คนต่างสงสัยกันมากว่า ทำไม “ดร.โกร่ง” จึงออกมากล่าวหาพันธมิตรว่าคิดจะให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร เพราะหลังรัฐประหารครั้งที่แล้ว 19 กันยายน 2549 คปค.ได้ตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ “ดร.โกร่ง” ก็ยอมรับ และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ร่วมพิจารณารัฐธรรมนูญ 2550 ก็ไม่ปรากฏว่า “ดร.โกร่ง” จะไม่เห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้แต่อย่างใด จึงยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมสุดท้าย ถึงได้ยอมสนับสนุนรัฐบาลหุ่นเชิดที่ต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเองพ้นผิด
3) รู้มาว่า “ดร.โกร่ง” เป็นคนช่างคิด ช่างเขียน ถึงกับมีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ ชื่อว่า “คนเดินตรอก” (ไม่ใช่ “ผู้ดีเดินตรอก” ) เอาไว้แสดงความคิดเห็นประเด็นสาธารณะ โดยเฉพาะมุมมองทางเศรษฐกิจ
4) สังเกตเห็นว่า ก่อนหน้านี้ “ดร.โกร่ง-คนเดินตรอก” ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างต่อเนื่อง และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ (ทั้งผ่านคอลัมน์ ปาฐกถา และสัมภาษณ์) สอดรับกับท่าทีของฝ่ายการเมืองในรัฐบาล (ที่มีข่าวถึงความกระเหี้ยนกระหือรือว่าอยากจะเปลี่ยนตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติ) ในขณะเดียวกัน “ดร.โกร่ง” ก็แสดงความชื่นชมกระทรวงการคลังอย่างเปิดเผย และออกนอกหน้าขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับแสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้ที่คิดเห็นต่างจากพรรคพวกรัฐบาลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ดังนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อในวันนี้ “คนเดินตรอก” จะเดินเข้าไปร่วมทำงานกับ “รัฐบาลจนตรอก”
5) ที่ผ่านมา “ดร.โกร่ง” วิพากษ์วิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่พ้นจากยุคที่มี “ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” เป็นผู้ว่าการ ธปท. ซึ่งได้ธำรงรักษาความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ มิให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาครอบงำ สั่งการ หรือแทรกแซง
สภาวการณ์เศรษฐกิจเงินเฟ้อในปัจจุบัน ผู้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนโดยตรงคือประชาชนผู้มีรายได้ประจำตายตัว ค่าครองชีพแพงขึ้น กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมกว้างขวาง ที่ผ่านมา แบงก์ชาติได้เลือกแนวทางที่จะใช้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อชะลอปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งฝ่ายการเมืองในรัฐบาลไม่ชอบ
“ดร.โกร่ง” ไม่เพียงไม่เห็นด้วยกับแบงก์ชาติ แต่ยังตำหนิอย่างรุนแรงว่า แบงก์ชาติกำลังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง อาจจะทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหม่ จะต้องเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนแนวทางเสียใหม่ ซึ่งประสานเสียงกันพอดีกับฝ่ายการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ ที่ออกมาบอกว่า แบงก์ชาติจะต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนกรอบนโยบาย เปลี่ยน...
“ดร.โกร่ง” ถึงกับพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า แบงก์ชาติควรจะลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยภาคเอกชนด้วยซ้ำ!
น่าคิดว่า ถ้าลดดอกเบี้ยจริงตามคำพูดของ “ดร.โกร่ง” แล้ว “ดร.โกร่ง” มั่นใจจริงๆ ไหมว่า จะไม่ยิ่งเพิ่มแรงหนุนให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงยิ่งกว่าเก่า ชาวบ้านเดือดร้อนมากกว่าเดิม ปัญหาลุกลาม ขยายยิ่งกว่าเดิม ?
6) สงสัยว่า “ดร.โกร่ง” จะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย ?
มีกระแสข่าวตลอดมาว่า ฝ่ายการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ พยายามจะปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบัน เพราะสั่งการหลายเรื่องไม่ได้ตามความต้องการทางการเมือง และด้วยความที่คดีของระบอบทักษิณหลายเรื่องเกี่ยวพันกับสถาบันการเงิน อาทิ กรณีเงินกู้กรุงไทย หรือแม้แต่การจะถ่ายโอนเงินที่ถูก คตส.อายัดไว้ออกนอกประเทศ เป็นต้น แต่ก็ติดขัดที่ปลดเองไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการ ธปท.เป็นคนเสนอ
ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยมีนายพรชัย นุชสุวรรณ (อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีในยุครัฐบาลทักษิณ) เป็นประธานฯ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายจรุง หนูขวัญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ นายคณิศ แสงสุพรรณ และ นายชัยเกษม นิติสิริ
น่าสังเกตว่า นายพรชัย และนายวุฒิพันธ์ เป็น 2 ใน 47 คน ที่ตกเป็นจำเลยในคดีหวยบนดิน ส่วนนายชัยเกษมก็ถูก คตส.ชี้มูลว่าเกี่ยวข้องกับคดีซีทีเอ็กซ์
ยิ่งกว่านั้น คณะกรรมการชุดนี้ยังได้มาจากการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความไม่เหมาะสมหลายประการ และหมิ่นเหม่ว่าอาจจะผิดกฎหมาย โดยกรรมการสรรหาฯ 2 คน มีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในธนาคารพาณิชย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลโดยตรงของ ธปท. จึงขัดหลักการมีส่วนได้ส่วนเสีย และกรรมการสรรหาหลายคนยังเป็นผู้ที่มีคดีถูกฟ้องอยู่ ซึ่งเป็นคดีการกระทำผิดในตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารธนาคารพาณิชย์และธปท.อีกด้วย
น่าคิดว่า “ดร.โกร่ง” จะสานต่อขบวนการรุกคืบ ครอบงำ และยึดครองแบงก์ชาติของฝ่ายการเมือง หรือจะแก้ไขให้มีความโปร่งใส ชัดเจน ถูกต้องตามหลักการของกฎหมาย และธรรมาภิบาล ?
7) การที่ “ดร.โกร่ง” ประกาศจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี” โดยไม่รับเงินเดือน จะมีความหมายอะไร ตราบใดที่ยังคงมีผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่ในบริษัทเอกชน
ไม่ว่าจะมีเจตนาอย่างไรก็ตามแต่ “ดร.โกร่ง” ย่อมไม่พ้นจะถูกครหาว่า เป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้คนย่อมสงสัยว่า เมื่อ “ดร.โกร่ง” เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี โดยได้เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเสมือนหนึ่งรัฐมนตรีคนอื่นๆ
แล้ว “ดร.โกร่ง” จะรู้ข้อมูลภายในหรือไม่ ? จะนำไปใช้กับธุรกิจที่ตนเป็นประธานกรรมการบริหารอยู่หรือไม่? จะให้คำปรึกษากับคณะรัฐมนตรีโดยเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจที่ตนเป็นที่ปรึกษาอยู่หรือไม่? จะเกิดความเสียหายต่อส่วนรวมอย่างไร? ได้เปรียบ-เสียเปรียบอย่างไร?
“ดร.โกร่ง” จะยอมทนให้เขาสงสัย จับผิด ในความโปร่งใสได้อีกนานเท่าใด
8) สุดท้าย “ดร.โกร่ง” น่าจะหัดฟังเพลง “เรือมนุษย์” ที่นายสมัครชอบร้อง บางตอนว่า
“เรือมนุษย์สุดลำบากมากล้น ต่างคนดิ้นรนให้รอดพ้นถึงฝั่ง บางเวลาพายุโหมโถมประดัง แทบสิ้นกำลังหมดหวังเกือบอาสัญ ถึงคราวลมว่าวพัดผ่าวพราวใจ เรือโลดลิ่วไปคล้ายอยู่ในสวรรค์ ขึ้นเหนือลงใต้ไปได้ดังฝัน พอลมหยุดพลันสวรรค์คืออเวจี ชาติหนึ่งพึงรู้ใครจะอยู่ค้ำฟ้า มุ่งใจใฝ่หาศรัทธาแหละไมตรี ทุกคนต้องตายร่างกลายเป็นผี สถิตย์แต่ชั่วดีไม่มีวันดับสูญ...”
โปรดตรองดูว่า เรือมนุษย์เที่ยวนี้ จะพายเรือให้โจรนั่ง หรือจะนั่งเรือที่โจรพาย ?