"หม่อมเต่า" แนะจับตา 6 มาตรการ แก้ปัญหาศก. 6 เดือน เป็นความจริงใจในการแก้ไขวิกฤต หรือแค่ต้องการเอาหน้า เพื่อปูฐานเสียงที่กำลังสั่นคลอน พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า รัฐบาลเข้าใจความต้องการของประชาชนจริงหรือ "หมอเลี้ยบ" ยันไม่ได้ใช้ประชานิยม มอมเมา-ติดสินบนคนจน
วันนี้ (14 ก.ค.) ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม.วันนี้ มองว่าเป็นนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น ที่หากได้ผลดีในระยะเวลา 6 เดือนจริง ก็ไม่จำเป็นต้องมองถึงความจริงใจของรัฐบาล ส่วนจะเป็นนโยบายประชานิยมหรือไม่ ก็ต้องวัดที่ความเดือนร้อนของประชาชนเป็นหลัก แต่มองว่าควรมีมาตรการแก้ปัญหาในระยะยาวจะดีกว่า
ทั้งนี้ ม.ร.ว.จัตุมงคล ยังกล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการที่ดีและสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ หากเข้าใจถึงความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการเข้าร่วมประชุม ครม. ถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการออก 6 มาตราการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในภาวะค่าครองชีพสูงเป็นการนำแนวคิดประชานิยมในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยกลับมาเพื่อใช้มัดใจคนจนว่า ยืนยันว่ามาตรการช่วยเหลือประชาชนทั้ง 6 มาตรการซึ่งมีทั้งมาตรการเฉพาะหน้า มาตรการทางภาษีนั้นรัฐบาลมุ่งเพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ และช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ให้ได้รับความช่วยเหลือจริงๆ ส่วนที่ถูกมองว่า การออกมามาตราดังกล่าวนำแนวทางประชานิยมมาใช้
"ผมมองว่าตรงนี้คล้ายกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเมื่อมีการดำเนินการช่วงแรกๆก็ถูกโจมตีมาก แต่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า ได้ผลดี ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าการออกมาตราเพื่อช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้จะช่วยบำบัดทุกข์ของประชาชนได้"
ส่วนที่มีการมองว่า รัฐบาลหวังผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ขอชี้แจงว่า แนวคิดมาตรการดังกล่าวไปได้เตรียมไว้ล่วงหน้ามานานแล้วว่า จะนำมาใช้แก้ปัญหาในช่วงไตรมาสหลัง นอกจากนี้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายและโครงการอื่น เช่น การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน รถไฟรางคู่ ระบบน้ำชลประทาน ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องก็จะยิ่งประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้จึงขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้หวังให้มีผลต่อการเลือกตั้งอย่างใด อย่างไรก็ตามในส่วนของเม็ดเงินจำนวน 4 หมื่นล้านบาทซึ่งจะนำมาใช้ดำเนินการเมื่อไหร่ จะต้องรอครม.เห็นชอบ
ต่อข้อซักถามที่ว่า มีความคืบหน้าในการปรับครม.อย่างไรบ้าง นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ ส่วนกรณีทีมีกระแสเรียกร้องจากนักวิชาการที่ต้องการให้ปรับทีมเศรษฐกิจนั้น เห็นว่า การพิจารณตำแหน่งรัฐมนตรีในทีมเศรษฐกิจจะต้องดูตามสภาพความจริงและความเหมาะสม บางครั้งคนนอกก็มองอีกอย่างนึง แต่เชื่อมานายกรัฐมตรีจรับฟังทุกฝ่าย แต่สุดท้ายการตัดสินใจก็จะอยู่บนพื้นฐานเพื่อบ้านเมืองเป็นหลัก
เมื่อถามว่า การปรับครม.จะขอโควต้าจากลุ่มการเมืองภายในพรรคคืนมาเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ให้รัฐบาลหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การปรับครม.จะไม่มีเรื่องของโควต้ากลุ่มมุ้งการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่ควรเป็นการปรับเพื่อคุณภาพมากกว่า
**ไอ้โม่งสบช่องพ่วงรถแอร์ฉาว 6 พันคัน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบตามโครงการและแผนการจัดหาโดยการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 6,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่ ขสมก. ได้นำเสนอแผนรายละเอียดก่อนหน้านี้
สำหรับการนำรายละเอียดดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ครม.วันนี้ ก็เพื่อรับทราบและอนุมัติโครงการนั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเป็นหน่วยงานนำเสนอรายละเอียดดังกล่าวสู่ที่ประชุม ครม. เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนมอบหมายให้สภาพัฒน์สรุปรายละเอียด
สำหรับวิธีการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 6,000 คันนั้น ตนมีความมั่นใจว่า ขั้นตอนการจัดหารถ (เช่า) เป็นวิธีที่มีความโปร่งใสอย่างแน่นอน เนื่องจากการเปิดประมูลแบบอี-ออคชั่น ด้วยการประมูลในวิธีเปิดกว้างโดยเชิญต่างชาติเข้าร่วม (International Bid) ซึ่งเป็นการเปิดประมูลให้มีผู้แข่งขันทั่วไป และไม่มีการล็อกสเปกอย่างแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันการทุจริตได้รวมทั้งยังเข้าระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุปี 2535 ซึ่งให้สามารถเปิดประมูลทั่วไปไม่มีข้อจำกัด ซึ่งมั่นใจได้ว่ามีความโปร่งใส สำหรับรถโดยสารเอ็นจีวีจะมีการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด ระบบจีพีอาร์เอส และปรับเส้นทางเดินรถให้เชื่อมโยงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะครอบคลุมกว่า 145 เส้นทาง และมีการเก็บตั๋วโดยสารโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ขสมก. มีหนี้กว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ดำเนินการแก้ไขภายใน 3-5 ปี จะทำให้ ขสมก. เป็นหนี้กว่าแสนล้านบาท เพราะหากไม่ดำเนินการตอนนี้จะยากแก่การเยียวยา หากโครงการดังกล่าวเกิดได้จริง ก็สามารถช่วย ขสมก.ได้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสมัครได้กำกับให้เรื่องการจัดเช่าโดยใช้ระบบการประมูล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างมาตรฐาน และความโปร่งใส เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน รวมทั้งเป็นการล้างข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตพร้อมกันด้วย