“พิภพ” สาวไส้อดีต “ทักษิณ” ใช้ประโยชน์คนรอบข้างเข้าสู่อำนาจรัฐ สร้างประโยชน์ให้ตัวเองจนร่ำรวยจากการผูกขาด จวกหากแน่จริงสร้างโนวฮาวขึ้นมาเอง อย่ามาป้วนเปี้ยนหากินแถวเขมร-พม่า เตือนสติหากยังไม่หยุดใช้เงินปลุกปั่นการเมืองสร้างฐานใหม่ จะเป็นเสี้ยนตำเท้าจนเป็นหนอง สุดท้ายประเทศจะพิการเดินต่อไปไม่ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (26 ก.ค.) เวลาประมาณ 21.25 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงที่มาที่ไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไรว่า คนรอบตัวทักษิณหลายคนเป็นเพื่อนตน ซึ่งคนรอบตัวเขาเหล่านี้มีแนวคิดฝ่ายซ้ายและรู้ว่าต้องการใช้ทักษิณอย่างไร แต่ลืมไปว่าทักษิณเองก็ต้องการใช้เขาเหล่านั้นเช่นกัน เรียกว่าต่างคนต่างใช้ประโยชน์ต่อกัน ซึ่งคนเหล่านี้เห็นว่าการใช้อำนาจของทักษิณเป็นช่องทางเข้าสู่อำนาจรัฐ ซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดหลังจากพยายามทางอื่นแล้วไม่สำเร็จ และทักษิณเองก็ใช้นโยบายประชานิยมต่างๆ จากคนเหล่านี้ เพราะก็รู้ว่ามวลชน ประชาชนต้องการอะไร เป็นการทำให้ประชาชนนิยมชมชอบ เพื่อใช้อำนาจรัฐเอื้อธุรกิจของตัวและคนรอบข้าง
นายพิภพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ครั้งก่อนเป็นรัฐบาล และได้ไปบรรยายเรื่องการศึกษา ที่พรรคไทยรักไทย 1 ครั้ง แต่หลังจากนั้นก็พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการสร้างตัวเองให้ร่ำรวย และจับได้ว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมทางอำนาจ เห็นได้จากวันที่ศาลพิจารณาคดีซุกหุ้น เขาใช้ทุกวิธีให้หลุดจากคดีให้ได้ ไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม เพราะเขาทนไม่ได้ที่ถูกเลือกมาจากประชาชน 16 ล้านเสียง แล้วจะมาถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ดังนั้น ความน่าเกลียดในคดีซุกหุ้นจึงเกิดขึ้น โดยให้การโอนหุ้นไปให้คนใช้ คนขับรถ ซึ่งเห็นชัดแล้วว่าเริ่มใช้ทางเลือกที่ไม่ถูกต้อง
“ในช่วงนั้น ผมเป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ซึ่งเราเฝ้าดูคำพิพากษาศาลอยู่ และทันทีที่คำตัดสินออกมาว่าเขาไม่ผิดด้วยคะแนนสูสี ครป.ก็หารือว่าจะบอกว่าเป็นสีดำหรือเทา เพราะเราไม่เห็นด้วยในคำพิพากษานั้น สุดท้ายเราก็ประกาศสวนออกไปว่า เราไม่รับคำพิพากษาโดยบอกว่าเป็นคำพากษาสีเทา ซึ่งตอนนั้นคนไม่เห็นด้วยกับเราเพราะยังรักทักษิณอยู่” นายพิภพกล่าว
หลังจากนั้นก็มีหลายคนออกมาชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งรวมถึงนายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว รวมทั้งนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) ซึ่งเป็นอาจารย์ของตน นายแพทย์เสมออกมาชื่นชมว่าไอเดีย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นความคิดที่ดี ทั้งๆ ที่เป็นความคิดของคนอื่น โดยอาจารย์เสมให้เหตุผลว่าตั้งแต่เป็นหมอมายังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหน เอาใจใส่สุขภาพของประชาชนเท่าทักษิณมาก่อน แต่ทั้งที่จริงๆ แล้วเนื้อหาของโครงการดังกล่าวไม่มีคุณภาพ โรงพยายาลถูกทิ้งไม่มีงบส่งไปให้ เพราะต้องใช้เงินเฉลี่ย 1,000 กว่าบาทต่อคน เมื่อไม่มีเงินคุณภาพก็เลยตก ก็เลยจับได้ว่าทักษิณหลอกลวงประชาชน
เมื่อเห็นเช่นนั้น ตนก็เลยเข้าไปหาอาจารย์เสม บอกว่าไม่ต้องการให้อาจารย์เสมทำอะไรมาก นอกจากประกาศว่าไม่ยอมรับทักษิณ ให้ประชาชนเข้าใจว่าทักษิณหลอกลวงประชาชนซึ่งเริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากเป็นรัฐบาลปีที่ 4 ซึ่งอาจารย์เสมเองก็เห็นเช่นนั้น แต่บอกว่าตนเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนให้บันไดเขาขึ้นไปไม่สามารถเอาลงได้ บอกแต่เพียงว่าจะส่งกระแสจิตให้เขากลับตัวให้ได้ ซึ่งอาจารย์เสมเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต รู้ว่าทักษิณเปลี่ยนไปก็พยายามส่งกระแสจิต ตามความเชื่อของคนโบราณ แต่เราเป็นคนสมัยใหม่ ต้องแสดงออกด้วยว่าทักษิณทำผิดอะไรบ้าง
“ผมมีความพยายามหลายครั้งที่จะแสดงให้ประชาชนเห็นว่าทักษิณไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น และจะทำอย่างไรกับทักษิน ซึ่งในช่วงนั้นคนรอบข้างทักษิณก็พยายามดึงผมเขาไปให้มาร่วม ผมจัดสัมมนาที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ จะให้อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ ขึ้นพูดว่าทักษิณแท้ที่จริงเป็นคนอย่างไร แต่ก็มีคนของทักษิณโทร.มาหาผมบอกว่า อย่าให้อาจารย์ ส.ศิวรักษ์พูด แล้วชวนผมว่าเราโค่นศักดินากันดีกว่า แต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะตอนนี้เราต้องโค่นทักษิณให้ได้”
“ในวันที่เราประกาศว่าเป็นคำพากษาสีเทา วันนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ก็โทรมาหาผม บอกว่าเรามาร่วมทำงานด้วยกันดีกว่า ผมก็บอกว่าไปว่า ผมไม่ชอบที่มันใช้เล่ห์กลให้หลุดจากคดี ซึ่งผมคิดว่าผิดจริง ต่อมาผมไปปาฐกถาที่เชียงใหม่ ผมพูดถึงการยึดติดของทักษิณ ที่ใช้ความเป็นตำรวจที่เคยฝึกมาใช้อำนาจกับประชาชน ผมพูดว่า ถ้าเขายังไม่หลุดจากอำนาจตำรวจ จะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด แล้วก็เกิดขึ้นจริง ผมพูดก่อนที่ คุณชวน หลีกภัย จะพูดว่า ถ้าทักษิณไม่หยุดใช้อำนาจ จะไม่มีแผ่นดินอยู่” นายพิภพกล่าว
“สาเหตุที่ผมเห็นอย่างนี้ เพราะว่าธุรกิจที่เขาทำร่ำรวยขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจมือถือก็ดี เป็นการทำงานร่วมกับคนในระบบราชการ ใช้เส้นสาย ใช้การผูกขาด เป็นความร่ำรวยจากการผูกขาดไม่ใช่เก่งในธุรกิจ พี่น้องรู้ไหมว่า ความจริงแล้วทักษิณเกลียดการเมือง ทำไมถึงเกลียด เพราะว่าในสมัยที่ทำธุรกิจถูกนักการเมืองรีดไถ โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ดูแล อสมท ในตอนนั้น ทักษิณยังน้อมกายเข้าไปหาเพื่อขอเป็น ผู้อำนวยการ อสมท แต่กลับถูกเฉลิมไล่ให้ไปทำธุรกิจโทรคมนาคม นอกจากนี้ ในสมัยที่เป็นนักการเมือง ทักษิณจะไม่ชอบไปสภา แต่กลับมาบอกตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย เอาเสียงที่ได้มาจากประชาชนอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนดูถูกผู้แทน
“หลังจากคุณสนธิเริ่มเห็นว่าทักษิณเป็นยังไง ก็จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ช่อง 9 ก่อนจะถูกยกเลิก แล้วสุดท้ายก็ตกลงร่วมกับองค์กรประชาธิปไตย ตั้งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขับไล่ทักษิณ เพราะเห็นความโกงมากมาย เพื่อนๆ ก็โทร.ถามผมว่า ไปร่วมมือกับคุณสนธิทำไม ทำไมไม่ตั้งขึ้นมาเอง ผมก็บอกไปว่าเราต้องรวมพลังทุกฝ่าย เพราะทักษิณเป็นนายกฯ ที่แข็งแกร่งมาก มีอำนาจมาก มีเงินมาก ถ้าไม่ร่วมกันทุบด้วยเป้าหมายเดียวกันคือโค่นล้มทักษิณก็คงทำไม่ได้ ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นความเป็นมาของทักษิณ ซึ่งเปลี่ยนไป แต่มีคนบอกว่า ทักษิณไม่ได้เปลี่ยน แต่เราไม่รู้จักเขาเองต่างหาก” นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันเกิดของทักษิณ เขาออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อโหสิกรรมทุกวัน ไม่แก้แค้น และพร้อมไปทำมาหากินในต่างประเทศ มาถึงวันนี้ ถือว่าทักษิณเป็นคนพูดดี แต่การกระทำไม่ดี และเนื่องในวันเกิดวันนี้ จะขอพูดเรื่องประเทศชาติบ้านเมืองว่า ทักษิณไม่เหมาะเล่นการเมือง การทำผิดใดๆ ที่เคยทำมาต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน โดยทักษิณสามารถตั้งทนายสู้ได้เต็มที่ ซึ่งการที่บอกมาตลอดเวลาว่าตัวเองไม่ผิด แต่ทำไมถึงกลัวการขึ้นศาล เพราะลึกๆ แล้วรู้ว่าตัวเองผิด ขอถามหน่อยว่าถ้าไม้ให้ศาลตัดสิน แล้วจะใช้อะไรตัดสิน จะเอามาตรา 17 อย่างสมัยจอมพลสฤษดิ์ตัดสินแทนหรือเปล่า ในสมัยที่ชนะคดีซุกหุ้น ทำไมบอกว่าศาลมีความยุติธรรม นั่นเพราะได้ดีเข้าตัว แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลัวการขึ้นศาล
สำหรับคำพูดของทักษิณที่บอกว่า ตนพร้อมไปทำมาหากินต่างประเทศและออกจากการเมืองนั้น จะต้องทำให้ไม่รู้สึกว่านายสมัครเป็นนอมินีทักษิณอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นชัดเจนอยู่แล้วจะมาบอกว่าไม่อยู่หลังการเมืองได้ยังไง นอกจากนั้นยังมีเงินมหาศาลที่ส่งไปพรรคเล็กพรรคน้อย ก็ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลัง ถ้าจะปฏิเสธว่าไม่ได้ให้เงิน พรรคพลังประชาชนก็ออกมาแถลงเลยว่า ทักษิณไม่ได้ให้เงิน นปก.ก็เช่นกัน แกนนำล้วนแล้วแต่เป็นคนยากจนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมอเหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวีระ มุสิกพงศ์ คนพวกนี้จนทั้งนั้น ซึ่งการที่ นปก.เคลื่อนไหวได้นั้นเป็นเงินของใคร ต้องตอบมาให้ชัด ถ้าทักษิณจะบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง กิจกรรมต่างๆ ของนอมินีทักษิณทั้งหมดต้องหยุด ซึ่งการเคลื่อนไหวของนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นมือขวา และนายยงยุทธ ติยะไพรัช แสดงให้เห็นชัดว่าทักษิณไม่ได้อยู่เฉยๆ ไม่ได้อโหสิกรรมหรือหยุดคิดแก้แค้น
“หากจะไปหากินต่างประเทศจริง ขอได้ไหมว่า อย่ามาหากินแถวเขมร พม่า ไปยุโรปหรืออเมริกาก็ได้ แต่เมื่อยังป่วนเปี้ยนหากินแถบนี้ ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ ทักษิณเคยชินการใช้อำนาจรัฐในการผูกขาด เป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้ หากจะทำธุรกิจก็ทำธุรกิจจริงๆ ไม่ต้องใช้อำนาจรัฐ สร้างโนฮาวขึ้นมาเอง แบบนี้เราถึงจะนับถือว่า เป็นนักธุรกิจจริง อย่ามาแตะต้องพลังงานในอ่าวไทย และทำให้เรามีปัญหากับเขมร คุณทำธุรกิจร่ำรวยไม่มีใครว่า แต่ต้องมีธรรมาภิบาล โปร่งใส เป็นธรรม สร้างโนวฮาวเป็นของตัวเอง สร้างมือถือยี่ห้อทักษิโณมิกส์แข่งไปเลย อย่าผูกขาด เอาสินค้าแพงๆ มาขายจนร่ำรวย ดาวเทียมไทยคมที่เป็นของไทย ยังไปขายให้สิงคโปร์ได้” นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวปิดท้ายว่า ถ้าทักษิณยังไม่หยุดเรื่องการใช้อำนาจ ร่ำรวยโดยอาศัยการผูกขายและอำนาจรัฐ คนไทยไม่รับแน่ เพราะเขาได้ไปเกินพอแล้ว แม้จะถูกยึดมา 7 หมื่นล้าน แต่ยังมีอีกหลายแสนล้าน หากยังพยายามปั่นการเมืองไทยสร้างฐานใหม่ขึ้นมา แล้วสังคมรับไม่ได้ คุณก็เปรียบเสมือนเสี้ยนตำเท้าที่อยู่จนเป็นหนองเดินไม่ได้ ถ้าเราไม่รีบเอาออกประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศพิการในที่สุด