บล.ซีมิโก้ เตรียมรุกธุรกิจต่างประเทศ ตั้งเป้าผลตอบแทนลงทุนตรง 18% จากบอร์ดอนุมัติวงเงิน 500 ล้านบาท เทรดพอร์ตหุ้น หวังกระจายฐานรายได้ในอนาคตรองรับเปิดเสรีฯ เชื่อภาวะตลาดหุ้นครึ่งปีหลังฟื้น จากการเมืองชัดเจน-น้ำมันทรง หนุนมาร์เกตแชร์ปีนี้ 4-5 %
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน)หรือ ZMICO เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะกระจายฐานรายได้จากต่างประเทศ เข้ามาเสริมกับรายได้ในประเทศ ทั้งในด้านการเปิดให้ลูกค้าของบริษัทไปซื้อขายหุ้นต่างประเทศ และบริษัทก็จะลงทุนพอร์ตของบริษัท หรือการลงทุนตรงของบริษัท การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินต่างๆในต่างประเทศ เพื่อรองรับในการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์(ค่าคอมมิชชั่น)และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซ่นส์)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลุยทำธุรกิจในประเทศเวียดนาม ด้วยการเป็นที่ปรึกทางการเงิน หรือนักลงทุนเวียดนามมาเทรดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส3/51นี้ ในเรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับโบรกเกอร์ในเวียดนาม การที่บริษัทสนใจทำธุรกิจเพราะ ประเทศเวียดนามมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน เพราะมองจามูลค่าสินทรัพย์ต่างๆ ในเวียดนามปรับตัวลดลงมามาก
ขณะที่ด้านดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามเหลือ 400 จุดลดลง 60%จากปีก่อนที่ดัชนีอยู่ที่ 1,100 หุ้น และดอกเบี้ยจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของเวียนนามให้ผลตอบแทนที่สูงและบริษัทยังมีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอื่นๆ สูงขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะเข้าไปลงทุนในประเทศแถบเอชียก่อน และบริษัทคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ลูกค้ามีการเทรดหุ้นต่างประเทศได้ในปลายปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำระบบ โดยเบื้องต้นลูกค้าของบริษัทให้ความสนใจไปลงทุน แต่ในเบื้องต้นอาจจะมีลูกค้าเปิดบัญชีไม่มากนัก
" แผนธุรกิจของบริษัทนั้นต้องการลดการพึ่งพารายได้ที่เป็นสกุลเงินบาท โดยจะขยายการทำธุรกิจไปต่างประเทศ เพื่อเข้ามาเสริมรายได้ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกค้าเทรดหุ้นต่างประเทศ การลงทุนพอร์ตของบริษัท และการลงทุนตรง การเป็นที่ปรึกษาในต่างประเทศเพื่อที่เราจะไม่ต้องอิงด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจในช่วงที่เปิดเสรีฯ " นายชัยภัทร กล่าวว่า
นายชัยภัทร กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจจากับบริษัททั้งจดทะเบียนในตลาด และบริษัทนอกตลาดในการเข้าไปลงทุนตรง จำนวน 3-4 ราย ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนประมาณ 6-12 เดือน โดยคณะกรรมการบริษัทอนุมัติวงเงินการทำธุรกิจดังกล่าว 500 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนไปแล้ว 150 ล้านบาท และขณะนี้ครบกำหนดการลงทุนแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนตรงที่ 18%
รวมถึงบริษัทมีพอร์ตการลงทุนหุ้นระยะสั้น มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งนโยบายของบริษัทจะเทรดหุ้นไม่ข้ามวัน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงหากภาวะตลาดหุ้นผันผวน และที่ผ่านมาบริษัทก็ยังใช้ไม่หมดปกติ
เทรด 100-200 ล้านบาทต่อวันแต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดเช่นกัน โดยบริษัทหวังว่าในช่วง 12 เดือนจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนของในสัดส่วน15-20% ที่เหลือสัดส่วนนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มากจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น
สำหรับปัจจัยน้ำมัน เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง เศรษฐกิจชะลอตัว และปัจจัยทางการเมือง ส่งผลให้ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดี ทำให้ให้ลูกค้าของบริษัทชะลอการซื้อขาย กระทบต่อส่วนแบ่งการตลาด(มาร์
เกตแชร์) ของบริษัทลดลงอยู่ที่ระดับ 4% ซึ่งก่อนหน้านี้มาร์เกตแชร์ของบริษัทเคยปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 5% โดยบริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาวะตลาดกลับมาดี จากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนว่าจะเป็นทิศทางใดยุบพรรคเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และราคาน้ำมันน่าจะทรงตัว ซึ่งปีนี้มาร์เกตแชร์อยู่ที่ระดับ 4-5 % ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน)หรือ ZMICO เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะกระจายฐานรายได้จากต่างประเทศ เข้ามาเสริมกับรายได้ในประเทศ ทั้งในด้านการเปิดให้ลูกค้าของบริษัทไปซื้อขายหุ้นต่างประเทศ และบริษัทก็จะลงทุนพอร์ตของบริษัท หรือการลงทุนตรงของบริษัท การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินต่างๆในต่างประเทศ เพื่อรองรับในการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์(ค่าคอมมิชชั่น)และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซ่นส์)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลุยทำธุรกิจในประเทศเวียดนาม ด้วยการเป็นที่ปรึกทางการเงิน หรือนักลงทุนเวียดนามมาเทรดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส3/51นี้ ในเรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับโบรกเกอร์ในเวียดนาม การที่บริษัทสนใจทำธุรกิจเพราะ ประเทศเวียดนามมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน เพราะมองจามูลค่าสินทรัพย์ต่างๆ ในเวียดนามปรับตัวลดลงมามาก
ขณะที่ด้านดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามเหลือ 400 จุดลดลง 60%จากปีก่อนที่ดัชนีอยู่ที่ 1,100 หุ้น และดอกเบี้ยจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของเวียนนามให้ผลตอบแทนที่สูงและบริษัทยังมีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอื่นๆ สูงขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะเข้าไปลงทุนในประเทศแถบเอชียก่อน และบริษัทคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ลูกค้ามีการเทรดหุ้นต่างประเทศได้ในปลายปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำระบบ โดยเบื้องต้นลูกค้าของบริษัทให้ความสนใจไปลงทุน แต่ในเบื้องต้นอาจจะมีลูกค้าเปิดบัญชีไม่มากนัก
" แผนธุรกิจของบริษัทนั้นต้องการลดการพึ่งพารายได้ที่เป็นสกุลเงินบาท โดยจะขยายการทำธุรกิจไปต่างประเทศ เพื่อเข้ามาเสริมรายได้ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกค้าเทรดหุ้นต่างประเทศ การลงทุนพอร์ตของบริษัท และการลงทุนตรง การเป็นที่ปรึกษาในต่างประเทศเพื่อที่เราจะไม่ต้องอิงด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจในช่วงที่เปิดเสรีฯ " นายชัยภัทร กล่าวว่า
นายชัยภัทร กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจจากับบริษัททั้งจดทะเบียนในตลาด และบริษัทนอกตลาดในการเข้าไปลงทุนตรง จำนวน 3-4 ราย ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนประมาณ 6-12 เดือน โดยคณะกรรมการบริษัทอนุมัติวงเงินการทำธุรกิจดังกล่าว 500 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนไปแล้ว 150 ล้านบาท และขณะนี้ครบกำหนดการลงทุนแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนตรงที่ 18%
รวมถึงบริษัทมีพอร์ตการลงทุนหุ้นระยะสั้น มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งนโยบายของบริษัทจะเทรดหุ้นไม่ข้ามวัน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงหากภาวะตลาดหุ้นผันผวน และที่ผ่านมาบริษัทก็ยังใช้ไม่หมดปกติ
เทรด 100-200 ล้านบาทต่อวันแต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดเช่นกัน โดยบริษัทหวังว่าในช่วง 12 เดือนจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนของในสัดส่วน15-20% ที่เหลือสัดส่วนนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มากจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น
สำหรับปัจจัยน้ำมัน เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง เศรษฐกิจชะลอตัว และปัจจัยทางการเมือง ส่งผลให้ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดี ทำให้ให้ลูกค้าของบริษัทชะลอการซื้อขาย กระทบต่อส่วนแบ่งการตลาด(มาร์
เกตแชร์) ของบริษัทลดลงอยู่ที่ระดับ 4% ซึ่งก่อนหน้านี้มาร์เกตแชร์ของบริษัทเคยปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 5% โดยบริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาวะตลาดกลับมาดี จากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนว่าจะเป็นทิศทางใดยุบพรรคเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และราคาน้ำมันน่าจะทรงตัว ซึ่งปีนี้มาร์เกตแชร์อยู่ที่ระดับ 4-5 % ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ