กกร.นัดถกแก้ปัญหาวิกฤติ จันทร์นี้ หวั่นราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวยาว เตรียมสรุปความเห็นกระทุ้งรัฐบาล แนะลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% พร้อมเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 7 ก.ค.) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) จะประชุมประจำเดือน ซึ่งจะมีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ และเงินเฟ้อสูง ส่งผลต่อยอดขายสินค้าและการลงทุนอุตสาหกรรมในประเทศเริ่มชะลอตัว
ก่อนหน้านี้ กกร.ได้ทำหนังสือขอพบนายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ อย่างไรก็ตาม จากปัญหาเศรษฐกิจที่เงินเฟ้อสูงขึ้นนี้ กกร.จะสรุปข้อคิดเห็นเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป เช่น ปรับลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% เช่นเดียวกับหลายประเทศในเอเชียที่ลดภาษีในส่วนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และภาษีนิติบุคคลธรรมดาไปแล้ว
ส่วนมาตรการดอกเบี้ยนั้น ภาคเอกชนมีความเห็นร่วมกันว่ายังไม่ควรปรับขึ้นทั้งระบบ เพราะจะยิ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนให้สูงขึ้น โดยแนวทางที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและชะลอภาวะเงินเฟ้อได้ คือ ควรออกพันธบัตรเพื่อการออมเงิน อัตราดอกเบี้ย 5% โดยยกเว้นภาษีให้ด้วย ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยโดยรวมไม่ต้องปรับขึ้น และชะลอเงินเฟ้อได้ด้วย
นายสันติ ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการเพื่อรับมือกับวิกฤติราคาน้ำมัน คือ เร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ต่างๆ และในภาวะที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างก็ปรับตัวรับมือกับต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เช่น เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเตามาเป็นก๊าซแอลพีจีแทน ดังนั้นหากกระทรวงพลังงานต้องการปรับราคาก๊าซแอลพีจีแล้ว ควรต้องปรับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ ภาคเอกชนจะเสนอให้กระทรวงการคลังเข้ามามีส่วนสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเดิมธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีมาตรการให้เงินทุนดอกเบี้ยต่ำแล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันกฎหมายใหม่ของ ธปท.ห้ามไม่ให้ ธปท.สนับสนุนการออกกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ และเห็นว่าควรให้กระทรวงการคลังเข้ามาดำเนินการแทน