xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.เร่งยุติความสับสนก๊าซเติมรถยนต์-ลั่นเดินหน้า "เอ็นจีวี" เต็มรูปแบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปตท.ผวาโดนเสียงก่นด่าทั่วประเทศ ทำประชาชนสับสนทิศทางเชื้อเพลิงเติมรถยนต์ ยันชัด ขอเดินหน้าโครงการ "เอ็นจีวี" แน่นอน เพื่อยุติความสับสนของตลาด ระบุ ยอมขาดทุนไปแล้ว 3 พันล. เร่งสร้างสถานีบริการก๊าซ "เอ็นจีวี" ทั่วประเทศ คาดใช้เงินลงทุนกว่า 4.3 หมื่นล. ขณะที่ รมว.พลังงานแย้ม ก.ค.นี้ ดันใช้เอ็นจีวีเต็มรูปแบบ หลังประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี โดยแยกราคาเป็น 2 ตลาดแน่นอน

วันนี้ (4 ก.ค.) นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความชัดจนในการกำหนดนโยบายเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ โดยระบุว่า ปตท.ซึ่งรับหน้าที่ในการจัดหาและผลิตพลังงานรายใหญ่ของไทย คงต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี และคงต้องลงทุนด้านเอ็นจีวีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทนก๊าซแอลพีจี

ทั้งนี้ในช่วงปี 2544-2546 ปตท.ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 9,000 ล้านบาท ในส่วนของโครงการที่เกี่ยวข้องกับเอ็นจีวีทั้งหมด และในบางปีการลงทุนอาจจะใช้เงินลงทุนสูงถึง 12,000-13,000 ล้านบาท แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ปตท.ต้องใช้เงินลงทุนราว 10,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจาก ปตท.ต้องโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ ปตท.ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากในแต่ละปี รวมแล้ว ปตท.ใช้เงินลงทุนประมาณ 43,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ด้วยเม็ดเงินที่สูงมาก แต่การใช้เอ็นจีวียังมีข้อจำกัดในเรื่องของผู้ใช้ และจำนวนของสถานีบริการที่ยังไม่มากพอ จึงทำให้ ปตท.มีภาวะขาดทุนสะสม โดยในปี 2549 ขาดทุนสะสม 1,200 ล้านบาท ปี 2550 ขาดทุนสะสมประมาณ 1,900 ล้านบาท ส่วนปี 2551 ตั้งเป้าขาดทุนสะสมไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการต่างๆ จะเริ่มเห็นผลและคืนทุนได้ในช่วงปี 2554 เป็นต้นไป

โดยวานนี้ พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ออก เป็น 2 ราคาว่า มอบหมายให้คณะทำงานที่มีนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงานไปศึกษาหามาตรการ รองรับเพื่อไม่ให้ภาคครัวเรือนและผู้ที่มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาแอลพีจี หลังจากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพลังงาน (กบง.) ที่มีตนเป็นประธาน ส่วนจะแยกเป็น 2 ราคา หรือจะเป็น ราคาเดียวขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กบง.

ส่วนเรื่องแอลพีจีที่ขาดแคลนได้รับรายงานล่าสุดว่าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ปั๊มมีก๊าซขายอย่างต่อเนื่อง และเรือที่นำเข้าแอลพีจีของปตท.มาถึงไทยแล้วตั้งแต่ 2 ก.ค.ในปริมาณ 22,400 ตัน แม้ก๊าซแอลพีจีจะมีเพียงพอ แต่การปรับขึ้นราคายังเกิดขึ้นแน่นอนในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งสัญญาณมานานแล้ว และเมื่อก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) พร้อม จึงขอเชิญชวนมาใช้เอ็นจีวีแทนแอลพีจี เพราะเอ็นจีวีมีราคาถูกกว่า และรัฐจะตรึงราคา ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ไปถึงสิ้นปีนี้

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีว่า ขณะนี้มีความพร้อมที่จะส่งเสริมเอ็นจีวี มั่นใจว่าภายในเดือนก.ค.เป็นวันดีเดย์ของการใช้เอ็นจีวีเต็มรูปแบบ เพราะ มีความพร้อมทั้งสถานี การให้บริการเอ็นจีวีและปริมาณกำลังผลิตที่จะจ่ายเข้าระบบ โดยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มีรถยนต์ที่ติดตั้งเอ็นจีวีแล้ว 84,161 คัน ส่วนปริมาณใช้เอ็นจีวีเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 2,013 ตัน/วัน ภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,465 ตัน/วัน

นอกจากนี้ กระทรวงเตรียมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา และหน่วยทหารช่างอบรมการติดตั้งเอ็นจีวี และมีแนวคิดจะจัดตั้งหน่วยติดตั้งเอ็นจีวีเคลื่อนที่ตามสถานที่ราชการหรือสถานศึกษา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ส่วนราคาติดตั้งที่แพงนั้นขณะนี้มีบริษัทเตรียมเปิดการผลิตถังเอ็นจีวีในไทยแล้ว คาด ว่าในปีหน้าจะผลิตมีมากกว่า 2 แสนถัง น่าจะทำให้ราคาต่ำลงประมาณ 1 หมื่นบาท/ถัง

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวถึงราคาน้ำมันที่ทำสถิติใหม่ (นิวไฮ) ถึง 144 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไรเป็นหลัก กระทรวงพลังงานยังไม่มีมาตรการใหม่ออกมาดูแลน้ำมัน โดยขอใช้นโยบายเดิมในการรณรงค์ต่อไป ส่วนเดือนก.ค.ที่ครบกำหนดช่วยเหลือลดเงินกองทุนให้ดีเซล 90 สต./ลิตรนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่าง การพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น