ไทยพาณิชย์ปรับแผนธุรกิจสินเชื่อบุคคลรับแข่งขันสูง สั่งจัดกลุ่มลูกค้าตามความเสี่ยงในอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่าง พร้อมลดระยะเวลาอนุมัติให้ต่ำกว่า 3 วัน หันมาเน้นลูกค้านอกแบงก์ ดันยอดสินเชื่อคงค้าง 1.1 หมื่นล้าน คุมเอ็นพีแอลสินเชื่อบุคคลไม่เกิน 3%
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปรับการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังใหม่ โดยจะมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน จากเดิมที่จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันที่ระดับ 28%
"ธนาคารจะปรับเพียงการแบ่งฐานรายได้ของลูกค้าให้ละเอียดมากขึ้น แต่ฐานรายได้ขั้นต่ำจะยังคงไว้ที่ระดับหนึ่งหมื่นบาทเหมือนเดิม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันในตลาดที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของความเสี่ยงอยู่"
นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยจะมีการตั้งทีมขายตรงขึ้นมาทำหน้าที่ในการขายผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลที่เน้นลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าธนาคารมาก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในครึ่งปีหลังแน่นอน เพื่อให้มีสัดส่วนใกล้10%ของพอร์ตสินเชื่อรวม พร้อมกันนั้น จะลดระยะเวลาการอนุมัติสินเชื่อให้เร็วขึ้น จากเดิมต้องใช้เวลา 3-5 วันในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งการปรับเปลี่ยนการทำงานในครึ่งปีหลังนั้นก็เพื่อให้ยอดสินเชื่อคงค้างของสินเชื่อส่วนบุคคลในสิ้นปีมียอดอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จากฐานสิ้นปีที่ผ่านมามีพอร์ตอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ ธนาคารต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ไม่ให้เกิน 3% ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.1% ซึ่งถือว่าได้ปรับตัวลดลงมาจากก่อนหน้านี้ จากพอร์ตสินเชื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่อัตราการผิดนัดชำระก็อยู่ที่ 5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และมีแนวโน้มลดลงด้วย
นายจรัมพร โชติกเสถียร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการและเป็นการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยการบริการจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีพนักงานของบริษัทลูกค้า โดยการรันตีเงินเดือนเข้าภายในเวลา 06.00 น. ณ วันที่จ่ายเงินเดือนของบริษัทนั้นๆ หากพนักงานไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ หากพบว่าเงินเดือนยังไม่เข้า สามารถโทรแจ้ง call center หรือติดต่อที่สาขาธนาคารได้ทุกสาขา เพื่อขอรับเงินค่าประกัน 100 บาทต่อบัญชีได้เลย โครงการนี้ใช้ชื่อว่า scb guarantee-payroll ซึ่งถือว่าเป็นแบงก์แรกในภูมิภาคเอเชีย ที่กล้ารับประกัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีรายได้จากธุรกรรม payroll ปีละ 300 ล้านบาท และมีรายได้จาก bill payment หรือ การชำระค่าสินค้าและบริการ ปีละ 500 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเต ิบโตอีก 20% จากฐานสิ้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้เปิดให้บริการรับชำระค่าน้ำประปาแล้วตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา และตั้งแต่เปิดให้บริการมาเกือบ 1 เดือนมีลูกค้ามาใช้บริการแล้ว ประมาณกว่า 4,000 ราย
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปรับการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังใหม่ โดยจะมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน จากเดิมที่จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันที่ระดับ 28%
"ธนาคารจะปรับเพียงการแบ่งฐานรายได้ของลูกค้าให้ละเอียดมากขึ้น แต่ฐานรายได้ขั้นต่ำจะยังคงไว้ที่ระดับหนึ่งหมื่นบาทเหมือนเดิม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันในตลาดที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของความเสี่ยงอยู่"
นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยจะมีการตั้งทีมขายตรงขึ้นมาทำหน้าที่ในการขายผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลที่เน้นลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าธนาคารมาก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในครึ่งปีหลังแน่นอน เพื่อให้มีสัดส่วนใกล้10%ของพอร์ตสินเชื่อรวม พร้อมกันนั้น จะลดระยะเวลาการอนุมัติสินเชื่อให้เร็วขึ้น จากเดิมต้องใช้เวลา 3-5 วันในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งการปรับเปลี่ยนการทำงานในครึ่งปีหลังนั้นก็เพื่อให้ยอดสินเชื่อคงค้างของสินเชื่อส่วนบุคคลในสิ้นปีมียอดอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จากฐานสิ้นปีที่ผ่านมามีพอร์ตอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ ธนาคารต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ไม่ให้เกิน 3% ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.1% ซึ่งถือว่าได้ปรับตัวลดลงมาจากก่อนหน้านี้ จากพอร์ตสินเชื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่อัตราการผิดนัดชำระก็อยู่ที่ 5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และมีแนวโน้มลดลงด้วย
นายจรัมพร โชติกเสถียร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการและเป็นการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยการบริการจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีพนักงานของบริษัทลูกค้า โดยการรันตีเงินเดือนเข้าภายในเวลา 06.00 น. ณ วันที่จ่ายเงินเดือนของบริษัทนั้นๆ หากพนักงานไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ หากพบว่าเงินเดือนยังไม่เข้า สามารถโทรแจ้ง call center หรือติดต่อที่สาขาธนาคารได้ทุกสาขา เพื่อขอรับเงินค่าประกัน 100 บาทต่อบัญชีได้เลย โครงการนี้ใช้ชื่อว่า scb guarantee-payroll ซึ่งถือว่าเป็นแบงก์แรกในภูมิภาคเอเชีย ที่กล้ารับประกัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีรายได้จากธุรกรรม payroll ปีละ 300 ล้านบาท และมีรายได้จาก bill payment หรือ การชำระค่าสินค้าและบริการ ปีละ 500 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเต ิบโตอีก 20% จากฐานสิ้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้เปิดให้บริการรับชำระค่าน้ำประปาแล้วตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา และตั้งแต่เปิดให้บริการมาเกือบ 1 เดือนมีลูกค้ามาใช้บริการแล้ว ประมาณกว่า 4,000 ราย