ธปท.ชี้แนวโน้มความต้องการคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลังมีโอกาสขยายตัว เหตุกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จากภาวะค่าครองชีพที่สูงเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ในรายงานเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤษภาคม 2551 ข้อมูลภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดในเดือนเม.ย. 2551 พบว่า ความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวตามที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้ซื้อบ้านเลื่อนการซื้อจากเดือนมี.ค. เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2551 ทำให้จำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นมากถึง 24.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัว 11.9% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายที่ดินสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศ มีทั้งสิ้น 35,465 ล้านบาท
ส่วนอุปทานของตลาดยังขยายตัว โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวใหม่ในเดือนเม.ย.2551 ยังเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะโครงการทาวน์เฮ้าส์ อย่างไรก็ตาม พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างทั้งประเทศลดลง 28.7% เช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ก็ปรับลดลง 2.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 2551 ที่คาดว่าจำนวนอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
ขณะที่โครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์) ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการลดขนาดโครงการ และประเมินตลาดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินโครงการ เพื่อลดคามเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาด
ทางด้านราคาที่อยู่อาศัย ธปท.ประเมินว่า ราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น โดยในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ดัชนีราคาขายส่งวัสดุก่อสร้างได้ปรับเพิ่มขึ้น 18.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ตามราคาผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์ไม้เป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ในรายงานเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤษภาคม 2551 ข้อมูลภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดในเดือนเม.ย. 2551 พบว่า ความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวตามที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้ซื้อบ้านเลื่อนการซื้อจากเดือนมี.ค. เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2551 ทำให้จำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นมากถึง 24.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัว 11.9% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายที่ดินสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศ มีทั้งสิ้น 35,465 ล้านบาท
ส่วนอุปทานของตลาดยังขยายตัว โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวใหม่ในเดือนเม.ย.2551 ยังเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะโครงการทาวน์เฮ้าส์ อย่างไรก็ตาม พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างทั้งประเทศลดลง 28.7% เช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ก็ปรับลดลง 2.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 2551 ที่คาดว่าจำนวนอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
ขณะที่โครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์) ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการลดขนาดโครงการ และประเมินตลาดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินโครงการ เพื่อลดคามเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาด
ทางด้านราคาที่อยู่อาศัย ธปท.ประเมินว่า ราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น โดยในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ดัชนีราคาขายส่งวัสดุก่อสร้างได้ปรับเพิ่มขึ้น 18.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ตามราคาผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์ไม้เป็นสำคัญ