xs
xsm
sm
md
lg

US เนื้อหอม บลจ.ทยอยลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.สบช่องเข้าลงทุนอเมริกา ชี้เป็นโอกาสที่เหมาะสม โดยเฉพาะการเข้าถือพันบัตรยูเอส เพื่อรับยิลด์สวยจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ด้าน "ยูโอบี"เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนหุ้นสถาบันการเงินในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนนักวิชาการเชื่อกระแสการเข้าลงทุนในอเมริกาของจีน เพียงเพื่อหวังครองสัดส่วนและเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุน ประเมินแนวโน้มลงทุนระยะยาวดีกว่าระยสั้น จากปัญาซับไพรม์ที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว

นาย อรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอสซีบี ควอนท์ จำกัด กล่าวว่า การที่นักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐนั้น น่าจะมาจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่เริ่มดีขึ้นถึงจะไม่มาก เเต่เป็นจังหวะที่ดีเหมาะเเก่การเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ให้ผลตอบแทนดี ประกอบกับดอลลาร์อ่อนค่าลง ที่สำคัญนักลงทุนจีนเองก็มีทุนก้อนใหญ่เมื่อเห็นจังหวะดีจึงเข้ามาซื้อ

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์)ในช่วงนี้ราคาในตลาดยังค่อนข้างสูงอยู่เเต่เชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนราคาจะลดต่ำกว่านี้ ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐน่าจะเติบโตขึ้นเเม้จะไม่มากดูได้จากผลประกอบการธนาคารพาณิชย์เเละสถาบันการเงินของสหรัฐเริ่มดีขึ้น ซึ่งไตรมาสที่ 1 เป็นช่วงที่ขาดทุนมากที่สุด เเต่ในไตรมาสที่ 2 น่าจะขาดทุนเเต่ไม่มากเท่ากับไตรมาสเเรก ถึงเเม้ว่าตัวเลขจะติดลบก็ตาม

"ในเเง่ของความเสี่ยงน่าจะมี 2 ประเด็นๆหลักมาจาก ความเสี่ยงจากตลาดคือ การขึ้นลงของราคา เเละความเสี่ยงจากบริษัทที่เข้าไปลงทุน ส่วนตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐนั้นมีความเสี่ยงเช่นกันเเต่ไม่มากเท่าความเสี่ยงจากตลาดหุ้น" นาย อรุณศักดิ์

ด้านนายนที ดำรงกิจการ ผู้ช่วยกรรการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ว่าขณะนี้ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ยังไม่ยุติลงไป เห็นจากสถานบันการเงินหลายแห่งออกมาประกาศผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัญหาในการตั้งสำรองครั้งแรกที่น้องเกินไป จึงต้องดำเนินการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำลังดำเนินอยู่ โดยความเห็นส่วนตัวมองว่ามีโอกาสเพียง 30% ที่เฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ70%ไม่ปรับขึ้น แม้ว่าการประชุมเฟดครั้งต่อไปซึ่งใกล้กับการเลือกตั้งประธานาธบดีคนใหม่ ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วเฟดจะไม่มีการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมงานประธานาธบดีคนใหม่ดำเนินนโยบายของตน และอีกเหตุผลถ้าปรับขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ก็เหมือนกับยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังเผชิญอยู่ให้มีผลกระทบมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี

**"ยูโอบี"เปิดขายกองยูเอสก.ค.นี้**

ขณะเดียวกัน นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ไทย) จํากัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ข้อสรุปการออกกองทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ หรือหุ้นของสถาบันการเงินที่มีมูลค่าตกต่ำลง หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพของสหรัฐ (ซับไพร์ม) แล้ว โดยจะแถลงข่าวเปิดกองทุนและคาดว่าจะขายไอพีโอ ได้ในเดือน ก.ค.นี้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นายวนา กล่าวอีกว่าคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วัน 0.25% ในการประชุมวันที่ 16 ก.ค. นี้ และคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.50% ภายในสิ้นปี เพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อ ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทย คาดว่าดัชนีฯจะฟื้นตัวได้ในช่วงสิ้นปี หลังจากสถานการณ์การเมืองและเงินเฟ้อผ่อนคลายลง ส่วนในระยะสั้นดัชนีฯอาจไม่ปรับตัวลงมากนัก เนื่องจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาเก็บหุ้นเพื่อทำปิดงบครึ่งปี (Window dressing)

ก่อนหน้านี้ นายธีระ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด กล่าวถึง การลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ว่า ที่ผ่านมาอเมริกาใช้เงินจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเหมือนกับประเทศไทยเมื่อ 10ปีที่แล้ว ที่คนแห่เก็งกำไรอย่างเดียว แบงก์ไม่ดูแลเข็มงวดยินดีปล่อยสินเชื่อให้ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือเพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น แต่ตอนนี้กำลังปรับปรุง แบงก์หลายแห่งเพิ่มทุนขึ้นอีก แต่หากขาดทุนรอบ 2 -3 ก็อาจจะเพิ่มทุนต่อไม่ได้ ดังนั้นก็จะมีการขายโลนหรือหนี้เสียออกมา ถ้าดูอย่างไทย 10 ปีที่แล้ว เชื่อว่าจะใช้เวลาอย่างเร็วมากก็ประมาณ 2-3 ปีถึงจะฟื้นตัว ขณะเดียวกันตอนนี้อสังหาริมทรัพย์จึงมีราคาถูก แต่บางที่ราคาไม่ลดลงเพราะเป็นที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้นักลงทุนจากยุโรป ตะวันออกกลาง ก็ให้ความสนใจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังจับตาดู ซึ่งอาจจะเริ่มเข้าไปลงทุนในปีหน้า อย่างไรก็ตามตอนนี้กองทุน FAM GAF ของบริษัทมีสัดส่วนลงทุนในหุ้นในอเมริกาประมาณ 40% แต่ให้ผลตอบแทนดีพอสมควร ความเสี่ยงไม่สูงกว่าพันธบัตร โดยเข้าลงทุนในหุ้น จีอี แคปปิตอล ไมโครซอฟท์ อินเทล จอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน ฯลฯ เพราะบริาทเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ไม่เหมือนกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ต้องหลีกเลี่ยง

**จีนเข้าลุยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ**

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง กระแสการเข้าไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาของนักลงทุนจากประเทศจีน ว่า กระแสการลงทุนดังกล่าวเป็นกระแสการลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประเทศจีนมีแผนมานานแล้ว เช่น การจะเข้าไปซื้อบริษัทนํ้ามัน ยูโนแคล ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเพราะประเทศจีนนั้นมีเงินทุนสำรองในปริมาณที่มากจากการที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับที่สูง ประเทศจีนจึงมองหาแหล่งลงทุนอื่น เพื่อเป็นการใช้เงินที่มีอยู่มากนี้ให้เกิดความคุ้มค่า รวมทั้งยังเป็นการทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงได้ด้วย

ทั้งนี้การที่ไปประเทศจีนต้องการเข้าไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเป็นเพราะ สหรัฐเป็นแหล่งลงทุนใหญ่ของโลกที่ประเทศต่างๆต้องการเข้าไปลงทุน ซึ่งหากจีนเข้าไปลงทุนในสหรัฐและสามารถครอบครองสัดส่วนการลงทุนได้มากจะส่งผลให้ประเทศจีนสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนได้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนอกจากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว จีนยังมองหาแหล่งลงทุนในประเทศอื่นอีกไม่ว่าจะเป็นประเทศใน เอเชีย ยุโรป รวมทั้งแอฟริกาด้วย

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า การเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาของนักลงทุนจีนในช่วงนี้ เป็นเพราะนักลงทุนจีนต้องการที่จะเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนมากกว่าเพื่อหวังผลในระยะยาว เพราะการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐในช่วงระยะสั้นๆ นี้ถือว่ายังไม่ค่อยน่าลงทุนนัก แต่คงเป็นการเข้าไปลงทุนเพื่อสะสมไว้และหวังผลในระยะยาวที่เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐกลับมาพื้นตัว

ส่วนเรื่องของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบวิกฤติอย่างแรงในระยะที่ผ่านมานั้น ซึ่งยังไม่มีทาทีว่าจะคลี่คลายลงในช่วงระยะสั้นๆนี้ เพราะยังคงมีสัญญาณของราคาบ้านในสหรัฐที่ยังคงตกตํ่าอยู่ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้าอาจจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตามวิกฤติซับไพร์มที่เกิดขึ้นและทำให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์ถูกลงนั้น เป็นการทำให้นักลงทุนจากทั่วโลกมองกันว่าน่าจะเข้าไปลงทุนในช่วงราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาถูก

ขณะเดียวกัน จากการที่นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วนั้น นายธนวรรธน์ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกามีสัญญาญการชะลอตัวที่ตกลงจริง ซึ่งเป็นประเด็นในเรื่องของเศรษฐกิจประเทศที่มีการออกมาคาดกาณ์เท่านั้น โดยในส่วนของตลาดหุ้นได้มีการรับรู้ในเรื่องนี้แล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมเริกา ยังไม่รุนแรงมากถึงขึ้นที่ธนาคารพาณิชย์ต้องตัวลง แต่เป็นช่วงภาวะที่นักลงทุนต้องทำการปรับตัวกันเท่านั้น

นอกจากนี้ นายธนวรรธน์ ยังกล่าวถึง ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศไทยด้วยว่า ตลาดหุ้นของประเทศไทยยังตกลงไม่มากและพร้อมที่จะวิ่งทะยานขึ้นหากเรื่องของปัจจัยทางการเมืองสงบนิ่ง ขณะที่เรื่องของราคานํ้ามันเป็นปัจจัยรองลงมาที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบ
กำลังโหลดความคิดเห็น