ทีดีอาร์ไอราคาน้ำมันพุ่งฉุดจีดีพีปีนี้ขยายตัวแค่ 4% แนะรัฐบาลสกัดเงินเฟ้อ ชี้หากดึงดันนโยบายประชานิยม เงินเฟ้ออาจสูงเหมือนเวียดนาม ขณะที่ รมว.คลังยังหวังได้เห็น 6% พร้อมโบ้ยพันธมิตรฯ ชุมนุมฉุดท่องเที่ยว-หุ้นตก
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อัตราการขยายตัวหรือจีดีพีคงไม่ถึง 6% หากให้คาดการณ์น่าจะอยู่ที่ 4% ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อช่วง 4-5 เดือนต่อจากนี้ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก รัฐบาลต้องรับมือมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเพียงอย่างเดียว หากใช้นโยบายประชานิยมตอนนี้ ก็มีโอกาสความเป็นไปได้ ที่จะเหมือนเวียดนามที่เงินเฟ้อสูงถึง 25%
"การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระดับรากหญ้าจนกระทั่งสร้างกำลังซื้อให้กับประชาชนจนสูงเกินไป ยิ่งเป็นอันตราย ทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรง รัฐบาลต้องคุมให้เงินเฟ้ออย่าหลุด 5-6 เปอร์เซ็นต์ เพราะหากหลุดจากระดับนี้ จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อเนื่อง " นายสมชัยกล่าวและว่าทางออกของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ยังไม่หมดหนทางแก้ไข เพราะเศรษฐกิจโลก ไทยยังสามารถรับมือได้ เพราะคู่ค้าของไทยอย่างจีน และอินเดีย ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนปัญหาภายในประเทศ หากมีการพูดจาเพื่อหาทางออกร่วมกันก็จะไม่มีผลกระทบกับความเชื่อมั่น
***หมอเลี้ยบยังหวังจีดีพีโต 6%
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ว่า ยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะได้ร้อยละ 6 แต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงกระทบดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่มีการปรับตัวลดลงถึงประมาณ 100 จุดในช่วงที่ผ่านมา เพราะจะมีคำขู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแนวทางเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
"สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความน่าเป็นห่วงกรณีที่อาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวไปพร้อมๆ กัน และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งหากไม่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มากระทบความเชื่อมั่น ก็จะเป็นผลดีต่อการทำงานของรัฐบาล"
นพ.สุรพงษ์มั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เพราะการที่เศรษฐกิจไทยยังประคองตัวอยู่ได้มาจากการมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลนำออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มงบประมาณให้ประชาชนรากหญ้า การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เป็นต้น รวมถึงกรณีแนวคิดการฟื้นหวยบนดินที่กำหนดออกงวดแรกอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย.หรือ 16 ก.ย.นี้ ก็สามารถชี้แจงได้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ แต่รัฐบาลมีหลักการในเรื่องนี้ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาหวยใต้ดิน ซึ่งความกังวลเรื่องผลกระทบนั้น รัฐบาลยืนยันจะดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด
สำหรับโครงการการแจกคูปองคนจนนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอแนวทางการกำหนดเส้นแบ่งความยากจนที่ 1,386 บาท และกำหนดการแจกคูปองเงินสด ครอบครัวละ 300-500 บาท จำนวน 1 ล้านครัวเรือน ยังต้องนำมาหารือร่วมกันกับสำนักงบประมาณและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ทันภายใน 1 เดือนตามกำหนด
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อัตราการขยายตัวหรือจีดีพีคงไม่ถึง 6% หากให้คาดการณ์น่าจะอยู่ที่ 4% ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อช่วง 4-5 เดือนต่อจากนี้ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก รัฐบาลต้องรับมือมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเพียงอย่างเดียว หากใช้นโยบายประชานิยมตอนนี้ ก็มีโอกาสความเป็นไปได้ ที่จะเหมือนเวียดนามที่เงินเฟ้อสูงถึง 25%
"การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระดับรากหญ้าจนกระทั่งสร้างกำลังซื้อให้กับประชาชนจนสูงเกินไป ยิ่งเป็นอันตราย ทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรง รัฐบาลต้องคุมให้เงินเฟ้ออย่าหลุด 5-6 เปอร์เซ็นต์ เพราะหากหลุดจากระดับนี้ จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อเนื่อง " นายสมชัยกล่าวและว่าทางออกของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ยังไม่หมดหนทางแก้ไข เพราะเศรษฐกิจโลก ไทยยังสามารถรับมือได้ เพราะคู่ค้าของไทยอย่างจีน และอินเดีย ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนปัญหาภายในประเทศ หากมีการพูดจาเพื่อหาทางออกร่วมกันก็จะไม่มีผลกระทบกับความเชื่อมั่น
***หมอเลี้ยบยังหวังจีดีพีโต 6%
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ว่า ยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะได้ร้อยละ 6 แต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงกระทบดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่มีการปรับตัวลดลงถึงประมาณ 100 จุดในช่วงที่ผ่านมา เพราะจะมีคำขู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแนวทางเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
"สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความน่าเป็นห่วงกรณีที่อาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวไปพร้อมๆ กัน และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งหากไม่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มากระทบความเชื่อมั่น ก็จะเป็นผลดีต่อการทำงานของรัฐบาล"
นพ.สุรพงษ์มั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เพราะการที่เศรษฐกิจไทยยังประคองตัวอยู่ได้มาจากการมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลนำออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มงบประมาณให้ประชาชนรากหญ้า การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เป็นต้น รวมถึงกรณีแนวคิดการฟื้นหวยบนดินที่กำหนดออกงวดแรกอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย.หรือ 16 ก.ย.นี้ ก็สามารถชี้แจงได้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ แต่รัฐบาลมีหลักการในเรื่องนี้ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาหวยใต้ดิน ซึ่งความกังวลเรื่องผลกระทบนั้น รัฐบาลยืนยันจะดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด
สำหรับโครงการการแจกคูปองคนจนนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอแนวทางการกำหนดเส้นแบ่งความยากจนที่ 1,386 บาท และกำหนดการแจกคูปองเงินสด ครอบครัวละ 300-500 บาท จำนวน 1 ล้านครัวเรือน ยังต้องนำมาหารือร่วมกันกับสำนักงบประมาณและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ทันภายใน 1 เดือนตามกำหนด