กคช. ปรับแผนดึงที่ดินบ้านเอื้อฯที่เซ็นสัญญาซื้อขายแล้วกว่า 10,000-20,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการเคหะชุมชน ราคาขาย 500,000-2,000,000 ล้านบาท หลังต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยกู้ยืมสถาบันการเงิน200-300ล้านบาทต่อปี แจงปี50ขาดทุนกว่า 300ล้านบาท คาดปี51ดอกเบี้ยเงินกู้ดันยอดขาดทุนสะสมเพิ่ม1,700ล้านบาท
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การเคหะฯ มีแผนที่จะนำที่ดินที่เกิดจากการชะลอการก่อสร้าง และการลดจำนวนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรตามมติของรัฐบาลในชุดที่ผ่านมา ไปใช้พัฒนาในโครงการเคหะชุมชนแทนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร เนื่องจากที่ดินดังกล่าว กคช.ไม่สามารถนำไปสร้างบ้านเอื้ออาทรได้ เพราะปัจจุบันราคาที่ดินมีการปรับตัวขึ้น รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวยังไม่หยุดทำให้ กคช.ไม่สามารถก่อสร้างบ้านและขายในราคาเดียวกับบ้านเอื้ออาทรได้
เนื่องจาก ต้นทุนแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยที่ดินดังกล่าว กคช. ต้องกู้เงินสถานบันการเงินในการซื้อที่ดินดังกล่าวประมาณ 10,000- 20,000 ล้านบาท โดยมีภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมต่อปี 3%คิดเป็นยอดเงินที่ต้องชะรำต่อปีประมาณ 200-300 ล้านบาทส่งผลให้ในปี 94-50 ที่ผ่านมา กคช. ขาดทุนจาการดำเนินงานกว่า 300 ล้านบาท และคาดว่าในปี51นี้ จะมียอดขาดทุนสะสมจากการดำเนินงานบ้านเอื้อฯประมาณ1,300 ล้านบาทและเมื่อรวมภาระดอกเบี้ยต่อปีดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ กคช. มียอดขาดทุนรวม1,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ให้มีการปรับลดจำนวนหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรลงจาก 601,727 หน่วยเหลือ 300,504 หน่วยนั้น ล่าสุดความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวพบว่ามีหน่วยก่อสร้างบ้านที่แล้วเสร็จ รวมทั้งสิ้น 120,000 หน่วย และ อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 150,000 หน่วย ส่วนที่เหลือ กคช.ได้ชะลอการก่อสร้างออกไป
โดยในส่วนของการชะลอการก่อสร้างบ้านในโครงการออกไปนั้น กคช.ได้ดำเนินการเจรจาร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว ซึ่งในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้างเองยอมและเข้าใจถึงเหตุจำเป็นที่ต้องมีการชะลอการก่อสร้างบ้านในบางโครงการออกไปแล้ว ส่วนการลดจำนวนการก่อสร้างบ้านในโครงการบางส่วนนั้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา กคช. ได้แบกรับต้นทุนดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเพื่อซื้อที่ดิน ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอขายในรูปแบบเทิร์นคีย์ให้
สำหรับ บ้านเคหะชุมชนที่ กคช. จะนำที่ดินในส่วนที่เหลือจากการชะลอการก่อสร้าง และลดจำนวนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรมาพัฒนาโครงการเคหะชุมชนนั้น เมื่อพัฒนาเป็นโครงการเคหะชุมชนและ กคช.จะขายในราคา 500,000 -2,000,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขึ้นกับทำเล และ ต้นทุนการก่อสร้างบ้านที่ปรับตัวขึ้น ณ ปัจจุบัน
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การเคหะฯ มีแผนที่จะนำที่ดินที่เกิดจากการชะลอการก่อสร้าง และการลดจำนวนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรตามมติของรัฐบาลในชุดที่ผ่านมา ไปใช้พัฒนาในโครงการเคหะชุมชนแทนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร เนื่องจากที่ดินดังกล่าว กคช.ไม่สามารถนำไปสร้างบ้านเอื้ออาทรได้ เพราะปัจจุบันราคาที่ดินมีการปรับตัวขึ้น รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวยังไม่หยุดทำให้ กคช.ไม่สามารถก่อสร้างบ้านและขายในราคาเดียวกับบ้านเอื้ออาทรได้
เนื่องจาก ต้นทุนแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยที่ดินดังกล่าว กคช. ต้องกู้เงินสถานบันการเงินในการซื้อที่ดินดังกล่าวประมาณ 10,000- 20,000 ล้านบาท โดยมีภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมต่อปี 3%คิดเป็นยอดเงินที่ต้องชะรำต่อปีประมาณ 200-300 ล้านบาทส่งผลให้ในปี 94-50 ที่ผ่านมา กคช. ขาดทุนจาการดำเนินงานกว่า 300 ล้านบาท และคาดว่าในปี51นี้ จะมียอดขาดทุนสะสมจากการดำเนินงานบ้านเอื้อฯประมาณ1,300 ล้านบาทและเมื่อรวมภาระดอกเบี้ยต่อปีดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ กคช. มียอดขาดทุนรวม1,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ให้มีการปรับลดจำนวนหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรลงจาก 601,727 หน่วยเหลือ 300,504 หน่วยนั้น ล่าสุดความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวพบว่ามีหน่วยก่อสร้างบ้านที่แล้วเสร็จ รวมทั้งสิ้น 120,000 หน่วย และ อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 150,000 หน่วย ส่วนที่เหลือ กคช.ได้ชะลอการก่อสร้างออกไป
โดยในส่วนของการชะลอการก่อสร้างบ้านในโครงการออกไปนั้น กคช.ได้ดำเนินการเจรจาร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว ซึ่งในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้างเองยอมและเข้าใจถึงเหตุจำเป็นที่ต้องมีการชะลอการก่อสร้างบ้านในบางโครงการออกไปแล้ว ส่วนการลดจำนวนการก่อสร้างบ้านในโครงการบางส่วนนั้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา กคช. ได้แบกรับต้นทุนดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเพื่อซื้อที่ดิน ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอขายในรูปแบบเทิร์นคีย์ให้
สำหรับ บ้านเคหะชุมชนที่ กคช. จะนำที่ดินในส่วนที่เหลือจากการชะลอการก่อสร้าง และลดจำนวนการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรมาพัฒนาโครงการเคหะชุมชนนั้น เมื่อพัฒนาเป็นโครงการเคหะชุมชนและ กคช.จะขายในราคา 500,000 -2,000,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขึ้นกับทำเล และ ต้นทุนการก่อสร้างบ้านที่ปรับตัวขึ้น ณ ปัจจุบัน