" บอร์ด" บล.เคจีไอ ทุ่มงบลงทุนพอร์ตเพิ่มเป็น 2.2 พันล้านบาท ตั้งเป้ากำไรพอร์ตปีนี้ 35% แม้ปีนี้จะลงทุนยาก เจอปัญหาน้ำมัน เงินเฟ้อ สูงการเมืองกดดัน ชี้ช่วงนี้ตลาดหุ้นรูดหันช็อตหุ้น ฟิวเจอร์ส ออปชั่น "จริยา" แจงขณะนี้ใช้เงินลงทุนแล้ว 500-600 ล้านบาท เล็งลงทุนต่างประเทศครึ่งปีหลัง ใช้งบประมาณ 5-10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางจริยา โปษยะจินดา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยถึงพอร์ตการลงทุนปี 2550 ว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีการเพิ่มวงเงินลงทุนพอร์ตของบริษัทปีนี้เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี 2,000 ล้านบาท เนื่องจาก บอร์ดของบริษัทประเมินตลาดและเห็นโอกาสการลงทุนในปีนี้ที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยบริษัทจะลงทุนในหุ้นSET 50 ,SET100 ,SET Index Future & Option
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีกำไรจากการลงทุนพอร์ตปีนี้ 35% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2550 ถึงแม้บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะไม่ค่อยดีดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก แต่บริษัทมีกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายถึง 5 แบบ ที่จะนำมาใช้ในการลงทุนที่เหมาะสม ทั้งตลาดหุ้นขาลง และขาขึ้น ซึ่งขณะนี้หุ้นลงบริษัทก็จะเน้นลงทุนในฟิวเจอร์ส ออปชั่น หรือการยืมหุ้นเพื่อนำมาซ็อตเชล
" จากการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ไม่ดีนั้น บริษัทก็ยังมีการลงทุนในหุ้นต่อเนื่องไม่ได้มีการชะลอการลงทุนแต่จะมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ในช่วงขณะนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง บริษัทได้หันไป ซ็อต หุ้น ฟิวเจอร์ ออปชั่น โดยคาดว่าปีนี้บริษัทอาจมีผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น แต่จะมีกำไรจากการลงทุนในอนุพันธ์ ซึ่งเมื่อรวมแล้วเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรจากพอร์ตระดับเดียวกับปี 2550 " นางจริยากล่าว
สำหรับ จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งมีผู้ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 หลัก นั้น ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ทราบว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะสามารถที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ อันจะกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจ และจากปัญหาทางการเมือง ทำให้การลงทุนในปีนี้อยากกว่าการลงทุนในปีที่ผ่าน ๆ มาทำให้จะต้องมีการระมัดระวังในการลงทุนในหุ้นทุกกลุ่ม โดยขณะนี้บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วจำนวน 500-600 ล้านบาท
นางจริยากล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทมีกำไรจากพอร์ตรวม 448 ล้านบาท จากที่ใช้เงินลงทุนหุ้นและอนุพันธ์เพียง 700-800 ล้านบาท ซึ่งไม่เต็มวงเงินที่บอร์ดของบริษัทให้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ทำให้ปีที่ผ่านสัดส่วนกำไรจากพอร์ตลงทุนคิดเป็น 29%ของรายได้รวมของบริษัท โดยในช่วงไตรมาส1/51 บริษัทมีผลขาดทุน 22.04 ล้านบาท แต่มีกำไรจากการลงทุนในอนุพันธ์ 133 ล้านบาท เมื่อรวมแล้วบริษัทมีกำไรพอร์ตจำนวน 111 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีแผนที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาณาจะไปลงทุน และจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5-10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การลงทุนในออปชั่น ขณะนี้ถือว่าไม่คึกคัก ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนนั้นจะเป็นนักลงทุนสถาบันต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักลงทุนบุคคลยังไม่เข้ามาลงทุนจากยังไม่ค่อยมีความรู้นั้น ซึ่งจากการที่บล.เคจีไอ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เกตเมกเกอร์)ในออปชั่น ซึ่งหากนักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในออปชั่นจำนวนมากสามารถติดต่อมาที่บริษัทได้ เพื่อที่จะทำให้เกิดการซื้อขายในออปชั่นมากขึ้น
นางจริยา โปษยะจินดา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยถึงพอร์ตการลงทุนปี 2550 ว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีการเพิ่มวงเงินลงทุนพอร์ตของบริษัทปีนี้เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี 2,000 ล้านบาท เนื่องจาก บอร์ดของบริษัทประเมินตลาดและเห็นโอกาสการลงทุนในปีนี้ที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยบริษัทจะลงทุนในหุ้นSET 50 ,SET100 ,SET Index Future & Option
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีกำไรจากการลงทุนพอร์ตปีนี้ 35% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2550 ถึงแม้บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะไม่ค่อยดีดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก แต่บริษัทมีกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายถึง 5 แบบ ที่จะนำมาใช้ในการลงทุนที่เหมาะสม ทั้งตลาดหุ้นขาลง และขาขึ้น ซึ่งขณะนี้หุ้นลงบริษัทก็จะเน้นลงทุนในฟิวเจอร์ส ออปชั่น หรือการยืมหุ้นเพื่อนำมาซ็อตเชล
" จากการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ไม่ดีนั้น บริษัทก็ยังมีการลงทุนในหุ้นต่อเนื่องไม่ได้มีการชะลอการลงทุนแต่จะมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ในช่วงขณะนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง บริษัทได้หันไป ซ็อต หุ้น ฟิวเจอร์ ออปชั่น โดยคาดว่าปีนี้บริษัทอาจมีผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น แต่จะมีกำไรจากการลงทุนในอนุพันธ์ ซึ่งเมื่อรวมแล้วเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรจากพอร์ตระดับเดียวกับปี 2550 " นางจริยากล่าว
สำหรับ จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งมีผู้ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 หลัก นั้น ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ทราบว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะสามารถที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ อันจะกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจ และจากปัญหาทางการเมือง ทำให้การลงทุนในปีนี้อยากกว่าการลงทุนในปีที่ผ่าน ๆ มาทำให้จะต้องมีการระมัดระวังในการลงทุนในหุ้นทุกกลุ่ม โดยขณะนี้บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วจำนวน 500-600 ล้านบาท
นางจริยากล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทมีกำไรจากพอร์ตรวม 448 ล้านบาท จากที่ใช้เงินลงทุนหุ้นและอนุพันธ์เพียง 700-800 ล้านบาท ซึ่งไม่เต็มวงเงินที่บอร์ดของบริษัทให้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ทำให้ปีที่ผ่านสัดส่วนกำไรจากพอร์ตลงทุนคิดเป็น 29%ของรายได้รวมของบริษัท โดยในช่วงไตรมาส1/51 บริษัทมีผลขาดทุน 22.04 ล้านบาท แต่มีกำไรจากการลงทุนในอนุพันธ์ 133 ล้านบาท เมื่อรวมแล้วบริษัทมีกำไรพอร์ตจำนวน 111 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีแผนที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาณาจะไปลงทุน และจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5-10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การลงทุนในออปชั่น ขณะนี้ถือว่าไม่คึกคัก ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนนั้นจะเป็นนักลงทุนสถาบันต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักลงทุนบุคคลยังไม่เข้ามาลงทุนจากยังไม่ค่อยมีความรู้นั้น ซึ่งจากการที่บล.เคจีไอ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เกตเมกเกอร์)ในออปชั่น ซึ่งหากนักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในออปชั่นจำนวนมากสามารถติดต่อมาที่บริษัทได้ เพื่อที่จะทำให้เกิดการซื้อขายในออปชั่นมากขึ้น