คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
ภาวะตลาดการลงทุนในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน บังเอิญว่ายังไม่ได้ลงในรายละเอียดของตราสารอนุพันธ์ มิฉะนั้นแล้วเราอาจจะลดการผันผวนของพอร์ตโฟลิโอลงได้บ้าง โดยเฉพาะการลดลงของตลาดหุ้นหรือตราสารทุน เพราะบ้านเรามีตลาด TFEX ที่มีสินค้าอย่าง SET50 Index Futures และ SET50 Index Options ซึ่งผู้ลงทุนสามารถนำมาใช้ในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ (Enhance Portfolio Efficiency) ได้ จะทยอยให้ความรู้และใช้ตราสารอนุพันธ์เมื่อผู้ลงทุนเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยง รวมทั้งกลยุทธ์ในการนำมาใช้จริง เพื่อปรับพอร์ตให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบได้กลับตัวขยับขึ้นมาทำสถิติสูงสุดใหม่หลังจากที่ได้อ่อนตัวไปในสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีโอกาสขึ้นตามระดับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบและเป็นผลให้ราคาของสินค้าอื่นสูงขึ้นตาม เป็นผลให้ราคาของตราสารหนี้ปรับตัวลดลง (อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น) ครั้งนี้จึงขอปรับลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี จาก 25% ลงเหลือ 15% โดยนำไปลงทุนเพิ่มในตราสารทุนที่ได้ลดลงเช่นกันถึง 2.16% จากการลงทุนในสัปดาห์ที่แล้ว และทองคำอีกอย่างละ 5%
สาเหตุที่ลดน้ำหนักของ “หนู” ลง เพราะเห็นได้ชัดถึงโอกาสที่จะแพ้อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น แต่ยังไม่ลดจนหมดเพราะระยะยาวอย่าง 5 ปี ยังพอมีโอกาสอยู่ รวมทั้งรอจังหวะในการกลับตัวของราคาที่พอมีอยู่บ้างครับ โดยโอกาสที่ “ราชสีห์” จะกลับตัวเมื่อเทียบกับ “หนู” แล้วมีมากกว่าและเกิดได้เร็วกว่า ในภาวะที่ตลาดทั้งคู่ยังคงผันผวนเช่นในปัจจุบัน โดยปรับให้มีน้ำหนักการลงทุนในตราสารทุนเป็น 30% สำหรับสภาพคล่อง หรือ Cash ก็สำคัญ เพราะจะสามารถนำมาใช้ลงทุนได้ทันท่วงที ไม่ว่าในตลาดไหนที่จะมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงอีก ล่าสุดเงินในส่วนของสภาพคล่องยังอยู่ที่ 25%
สำหรับคู่แฝด “ทีโมน” กับ “พุมบ้า” ที่ได้ลงทุนในทองคำและค่าเงินของ USD นั้น ณ วันที่มีการปรับพอร์ตข้างต้น คือ 5 มิ.ย. 51 ราคาทองคำได้ลดลงไปอยู่ที่ 873 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ค่าเงินของ USD ก็สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทมาอยู่ที่ 32.857 บาท หรือ ขาดทุนจากราคาทองคำแต่กำไรจากค่าเงินของ USD รวมเบ็ดเสร็จทั้งคู่ให้กำไรอยู่ที่ 0.27% (ข้อมูลราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ได้ขยับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ จนสูงกว่า 900 เหรียญสหรัฐแล้ว ในขณะที่ค่าเงินบาทก็ยังอ่อนลงเมื่อเทียบกับ USD - ได้กำไรจากคู่แฝดต่อไป) โดยปรับให้มีน้ำหนักการลงทุนในทองคำเป็น 15%
(ตารางประกอบ)
สำหรับผลตอบแทนในช่วงที่ 9 นี้ ติดลบไป 0.99% เนื่องจากราคาของทั้งตราสารทุนและพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีขยับตัวลดลง พอร์ตโฟลิโอมีผลตอบแทนสะสม อยู่ที่ 5.84%
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัว เพื่อเป็นตัวอย่างด้วยการใช้ข้อมูลจริงในการจัดสัดส่วนของพอร์ตโฟลิโอและหาจังหวะในการปรับน้ำหนักในการลงทุน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
ภาวะตลาดการลงทุนในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน บังเอิญว่ายังไม่ได้ลงในรายละเอียดของตราสารอนุพันธ์ มิฉะนั้นแล้วเราอาจจะลดการผันผวนของพอร์ตโฟลิโอลงได้บ้าง โดยเฉพาะการลดลงของตลาดหุ้นหรือตราสารทุน เพราะบ้านเรามีตลาด TFEX ที่มีสินค้าอย่าง SET50 Index Futures และ SET50 Index Options ซึ่งผู้ลงทุนสามารถนำมาใช้ในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ (Enhance Portfolio Efficiency) ได้ จะทยอยให้ความรู้และใช้ตราสารอนุพันธ์เมื่อผู้ลงทุนเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยง รวมทั้งกลยุทธ์ในการนำมาใช้จริง เพื่อปรับพอร์ตให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบได้กลับตัวขยับขึ้นมาทำสถิติสูงสุดใหม่หลังจากที่ได้อ่อนตัวไปในสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีโอกาสขึ้นตามระดับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบและเป็นผลให้ราคาของสินค้าอื่นสูงขึ้นตาม เป็นผลให้ราคาของตราสารหนี้ปรับตัวลดลง (อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น) ครั้งนี้จึงขอปรับลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี จาก 25% ลงเหลือ 15% โดยนำไปลงทุนเพิ่มในตราสารทุนที่ได้ลดลงเช่นกันถึง 2.16% จากการลงทุนในสัปดาห์ที่แล้ว และทองคำอีกอย่างละ 5%
สาเหตุที่ลดน้ำหนักของ “หนู” ลง เพราะเห็นได้ชัดถึงโอกาสที่จะแพ้อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น แต่ยังไม่ลดจนหมดเพราะระยะยาวอย่าง 5 ปี ยังพอมีโอกาสอยู่ รวมทั้งรอจังหวะในการกลับตัวของราคาที่พอมีอยู่บ้างครับ โดยโอกาสที่ “ราชสีห์” จะกลับตัวเมื่อเทียบกับ “หนู” แล้วมีมากกว่าและเกิดได้เร็วกว่า ในภาวะที่ตลาดทั้งคู่ยังคงผันผวนเช่นในปัจจุบัน โดยปรับให้มีน้ำหนักการลงทุนในตราสารทุนเป็น 30% สำหรับสภาพคล่อง หรือ Cash ก็สำคัญ เพราะจะสามารถนำมาใช้ลงทุนได้ทันท่วงที ไม่ว่าในตลาดไหนที่จะมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงอีก ล่าสุดเงินในส่วนของสภาพคล่องยังอยู่ที่ 25%
สำหรับคู่แฝด “ทีโมน” กับ “พุมบ้า” ที่ได้ลงทุนในทองคำและค่าเงินของ USD นั้น ณ วันที่มีการปรับพอร์ตข้างต้น คือ 5 มิ.ย. 51 ราคาทองคำได้ลดลงไปอยู่ที่ 873 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ค่าเงินของ USD ก็สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทมาอยู่ที่ 32.857 บาท หรือ ขาดทุนจากราคาทองคำแต่กำไรจากค่าเงินของ USD รวมเบ็ดเสร็จทั้งคู่ให้กำไรอยู่ที่ 0.27% (ข้อมูลราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ได้ขยับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ จนสูงกว่า 900 เหรียญสหรัฐแล้ว ในขณะที่ค่าเงินบาทก็ยังอ่อนลงเมื่อเทียบกับ USD - ได้กำไรจากคู่แฝดต่อไป) โดยปรับให้มีน้ำหนักการลงทุนในทองคำเป็น 15%
(ตารางประกอบ)
สำหรับผลตอบแทนในช่วงที่ 9 นี้ ติดลบไป 0.99% เนื่องจากราคาของทั้งตราสารทุนและพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีขยับตัวลดลง พอร์ตโฟลิโอมีผลตอบแทนสะสม อยู่ที่ 5.84%
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัว เพื่อเป็นตัวอย่างด้วยการใช้ข้อมูลจริงในการจัดสัดส่วนของพอร์ตโฟลิโอและหาจังหวะในการปรับน้ำหนักในการลงทุน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
