ธปท.เผยยังเข้าดูแลค่าเงินบาท ต่อเนื่อเป็นวันที่ 2 หลังค่าเงินบาทอ่อนผิดปรกติ โดยแทรกแซงตลาดน้อยกว่าจากวานนี้ เตือนผู้ส่งออกซื้อขายเงินบาทตามความเป็นจริง พร้อมเผยการตรวจสอบพบแบงก์ต่างชาติ-และแบงก์ไทยที่มีสาขาในต่างประเทศ 3-4 แห่ง ฉวยโอกาสใช้บัญชี non-resident ที่มีวงเงินวันละ 300 ล้านบาทต่อราย เข้ามาเก็งกำไรค่าเงิน
วันนี้ (10 มิ.ย.) นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ยังคงเข้าไปดูแลค่าเงินบาทในวันนี้เพื่อลดความผันผวน แต่ในปริมาณที่ลดลงจากเมื่อวานนี้ ซึ่งการเข้าไปดูแลของ ธปท.ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดที่ 33.06/08 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.21/24 บาท/ดอลลาร์
นางสุชาดา กล่าวว่า ตลาดเงินรับแรงผันผวนของค่าเงินบาทไปแล้ว ทำให้มีการเร่งปรับฐาน ขณะที่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าได้เข้ามาทั้งฝั่งซื้อและขาย แต่เงินบาทยังมีความไม่แน่นอน แนวโน้มเป็นไปได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า จากในช่วงที่ผ่านมาการอ่อนค่าของเงินบาทมีสาเหตุมาจากนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรและหุ้นเพื่อนำเงินออกไป
ธปท.อยากให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าซื้อ-ขายเงินบาทตามความเป็นจริง อย่าเข้ามาซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไร ขณะที่บัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (non-resident) พบว่า 3-4 แห่งมีข้อสงสัยว่าจะเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งมีทั้งแบงก์ต่างประเทศ และสาขาแบงก์ไทยในต่างประเทศ ซึ่งจากที่แบงก์ชาติได้สอบถามไป บางรายก็มีธุรกรรมรองรับ แต่บางรายก็ไม่มี จึงได้ขอร้องว่าอย่าเข้ามาเก็งกำไร
"ที่เราเปิดให้บัญชี non-resident วันละ 300 ล้านบาทต่อราย ก็เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรรกรม ไม่ใช่เพื่อเก็งกำร อย่าใช้เป็นช่องทางเก็งกำไร" นางสุชาดา กล่าวสรุปทิ้งท้าย