ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เหตุได้รับแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐจากผู้ส่งออก และนักลงทุนต่างชาติ ส่วนสัปดาห์หน้าคาดว่ายังมีกรอบการเคลื่อนไหวในระดับแข็งค่า ที่ 31.40-31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในสัปดาห์นี้ ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐจากผู้ส่งออก และนักลงทุนต่างชาติซึ่งสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยโดยมีนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ นอกจากนี้ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังเป็นไปตามความอ่อนแอของเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอีกด้วย สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระดับ 31.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า โดยแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐจากผู้นำเข้าช่วยจำกัดการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า อาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.40-31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ แรงซื้อและขายเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้าและผู้ส่งออก สัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อซึ่งจะมีการระบุถึงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของ ธปท. ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญประกอบด้วย ยอดขายบ้านใหม่ และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมีนาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ
ส่วนตลาดเงินระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างทรงตัว โดยมีการทยอยไหลกลับของสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่มีการตัดจ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือนผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืนมีระดับหนาแน่นอยู่ในกรอบร้อยละ 3.15-3.23 เทียบกับร้อยละ 3.23-3.24 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนสัปดาห์หน้า ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ โดยภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินที่คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงปรับตัวใกล้เคียงกรอบการเคลื่อนไหวเดิม
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในสัปดาห์นี้ ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐจากผู้ส่งออก และนักลงทุนต่างชาติซึ่งสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยโดยมีนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ นอกจากนี้ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังเป็นไปตามความอ่อนแอของเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอีกด้วย สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระดับ 31.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า โดยแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐจากผู้นำเข้าช่วยจำกัดการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า อาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.40-31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ แรงซื้อและขายเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้าและผู้ส่งออก สัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อซึ่งจะมีการระบุถึงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของ ธปท. ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญประกอบด้วย ยอดขายบ้านใหม่ และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมีนาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ
ส่วนตลาดเงินระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างทรงตัว โดยมีการทยอยไหลกลับของสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่มีการตัดจ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือนผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืนมีระดับหนาแน่นอยู่ในกรอบร้อยละ 3.15-3.23 เทียบกับร้อยละ 3.23-3.24 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนสัปดาห์หน้า ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ โดยภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินที่คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงปรับตัวใกล้เคียงกรอบการเคลื่อนไหวเดิม