Q-CON มั่นใจปีนี้ยอดขายโต 15% แม้ผลงานไตรมาสแรกพลาดเป้า เหตุรับผลกระทบต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและค่าเงินบาทแข็งค่า เผยอนาคตอาจปรับราคาขายตามต้นทุนพุ่ง หลังล่าสุด พ.ค.ปรับขึ้น 5% ด้านผู้บริหารเผยเตรียมรับมือด้วยการเปลี่ยนมาใช้ NGV พร้อมตั้งเป้ายอดขายส่งออกปีนี้เป็น 7% ของยอดขายรวม เน้นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายกิตติ สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตที่ 15% ประมาณ 1,040 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 903 ล้านบาท แม้ในไตรมาส 1/51 ยอดขายจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งทำยอดขายได้เพียง 238 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท และต้นทุนการดำเนินงานปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังมีความมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและต้นทุนการดำเนินงานที่ดี รวมถึงบริษัทมีการเปลี่ยนการบันทึกค่าเสื่อมราคาโรงงานจาก 10 ปี เป็น 15 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทลดต้นทุนคงที่ลงได้ปีละ 40 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการปรับราคาสินค้าประมาณ 4-5% ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และล่าสุดบริษัทได้ทำการปรับราคาสินค้าขึ้นอีก 5% โดยมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในอนาคตจะมีการปรับขึ้นอีกหรือไม่ คงต้องดูต้นทุนการผลิตก่อน
โดยบริษัทได้เตรียมรับมือกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเตาเป็นใช้ NGV ในโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งน่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีต้นทุนถูกกว่าการใช้น้ำมันเตาประมาณ 2% รวมถึงบริษัทได้เจรจากับซับไพเออร์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรถขนส่งจากการใช้น้ำมันมาใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ แทน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะเริ่มปรับรถขนส่งบางส่วนจาก 100 คัน ให้มาใช้ได้ในไตรมาส 3/51
นอกจากนี้ในปี 51 บริษัทมีแผนขยายการส่งออก โดยเน้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่มาก ประกอบกับระยะทางขนส่งไม่ไกลมากนัก โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกที่ 7% ของยอดขายรวม จากเดิม 1% ในปีก่อน อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา บริษัทพยายามขายผลิตภัณฑ์เสริมเหล็กให้มากขึ้น ซึ่งเหมาะกับงานก่อนสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง และมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ดี สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/51 บริษัทมีรายได้รวม 244 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 23%
นายกิตติ สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตที่ 15% ประมาณ 1,040 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 903 ล้านบาท แม้ในไตรมาส 1/51 ยอดขายจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งทำยอดขายได้เพียง 238 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท และต้นทุนการดำเนินงานปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังมีความมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและต้นทุนการดำเนินงานที่ดี รวมถึงบริษัทมีการเปลี่ยนการบันทึกค่าเสื่อมราคาโรงงานจาก 10 ปี เป็น 15 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทลดต้นทุนคงที่ลงได้ปีละ 40 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการปรับราคาสินค้าประมาณ 4-5% ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และล่าสุดบริษัทได้ทำการปรับราคาสินค้าขึ้นอีก 5% โดยมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในอนาคตจะมีการปรับขึ้นอีกหรือไม่ คงต้องดูต้นทุนการผลิตก่อน
โดยบริษัทได้เตรียมรับมือกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเตาเป็นใช้ NGV ในโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งน่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีต้นทุนถูกกว่าการใช้น้ำมันเตาประมาณ 2% รวมถึงบริษัทได้เจรจากับซับไพเออร์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรถขนส่งจากการใช้น้ำมันมาใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ แทน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะเริ่มปรับรถขนส่งบางส่วนจาก 100 คัน ให้มาใช้ได้ในไตรมาส 3/51
นอกจากนี้ในปี 51 บริษัทมีแผนขยายการส่งออก โดยเน้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่มาก ประกอบกับระยะทางขนส่งไม่ไกลมากนัก โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกที่ 7% ของยอดขายรวม จากเดิม 1% ในปีก่อน อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา บริษัทพยายามขายผลิตภัณฑ์เสริมเหล็กให้มากขึ้น ซึ่งเหมาะกับงานก่อนสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง และมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ดี สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/51 บริษัทมีรายได้รวม 244 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 23%