ปตท. ยอมหั่นกำไรค่าการกลั่นดีเซล 3 บาท/ลิตร เริ่ม 3 มิ.ย.นี้ เพื่อพยุงกลุ่มรถโดยสาร ประมง และเกษตร โดยจะประคองไปอีก 6 เดือน คิดเป็นเงินรวม 2,196 ล้านบาท ผู้บริหารฯ ยอมรับแก้ปัญหาได้แค่บางกลุ่มเท่านั้น เพราะหากช่วยทั้งหมดจะได้เพียง 3 สต./ลิตร เท่านั้น
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่วถึงผลการประชุมร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นในเครือจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(บมจ.) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคานำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเปรียบเทียบส่วนต่างของราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลให้ค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ในระดับ 7-9 บาทต่อลิตรนั้น
ทางกระทรวงพลังงานมีความเห็นว่า ส่วนต่างดังกล่าว อยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับปี 2549-2550 ซึ่งอยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร โดยทางกลุ่มโรงกลั่นได้มีข้อสรุปว่า ยินดีที่จะลดค่าการกลั่นของน้ำมันดีเซลลงมา 3 บาทต่อลิตร จากราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ในปริมาณน้ำมันดีเซล 732 ล้านลิตร หรือตกเดือนละ 122 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่าเงินที่ลดให้ 2,196 ล้านบาท โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2251 นี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ กล่าวว่าเงินที่ได้จำนวนกว่า 2.2 พันล้านบาทนี้ ตนเองจะนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเป็นรายสาขา ได้แก่ กลุ่มรถโดยสาร กลุ่มประมง และกลุ่มเกษตรกร เนื่องจากกลุ่มอาชีพเหล่านี้ต้องใช้น้ำมันในการประกอบการในราคาที่สูงมาก หากสามารถช่วยเหลือได้จะเป็นการแบ่งเบาภาระได้ทางหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิต
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ กล่าวอีกว่า ส่วนปริมาณน้ำมันที่ลดให้ จะนำมาจัดสรรให้แต่ละกลุ่มอย่างไรนั้น ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพลังงาน (กบง.) ที่มีตนเองเป็นประธาน ในวันที่ 2 มิถุนายนนั้น จะมีการประชุมจัดสรรกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่ม รถขสมก. และรถร่วมขสมก.ที่มีปัญหาและหยุดวิ่งในเวลานี้ ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จะมีการเร่งจัดสรรให้โดยด่วน ซึ่งได้รับรายงานว่าจะต้องใช้น้ำมันประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน
โดยในส่วนนี้ได้มีการหารือกับรองปลัดกระทรวงคมนาคมแล้ว ว่าจะนำปริมาณน้ำมันดีเซลที่ได้รับส่วนลดราคานี้ไปช่วยได้หลังจากที่มีการหารือกับกบง.แล้วในขณะที่กลุ่มสาขาอื่นๆ จะมีการพิจารณาการจัดสรรให้ตามกลุ่มที่ขอมา โดยผ่านหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนั้นๆ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้ประสานงานไปยังโรงกลั่นน้ำมันเอกชน ได้แก่ โรงกลั่นบริษัท เอสโซ่ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แต่ได้ขอกลับไปพิจารณาว่าจะสามารถช่วยเหลือแนวทางใดได้บ้าง เช่น ลดราคาหน้าโรงกลั่น หรือจะสามารถลดราคาน้ำมันหน้าปั๊มลงมาอีกได้หรือไม่ หลังจากที่ได้ปรับราคาน้ำมันดีเซลลงมาให้เท่ากับราคาน้ำมันดีเซลที่ บมจ.ปตท.ที่ตรึงราคาอยู่ในเวลานี้แล้ว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ยอมรับว่า ไม่สามารถลดราคาน้ำมันช่วยเหลือประชาชนได้ทั้งหมด เป็นการพิจารณาจากลุ่มสาขาอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ในการให้บริการสาธารณะหรือผู้ยากไร้ โดยเฉพาะรถขสมก.หรือรถร่วมฯ ขสมก.ที่ไม่สามารถปรับราคาค่าโดยสารขึ้นได้เพราะศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ผู้ประกอบการต้องหยุดเดินรถ หรือชาวประมง ที่เรียกร้องให้ช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้ หรือกลุ่มอื่นๆ ซึ่งในกลุ่มโรงกลั่นสามารถช่วยได้เพียง 122 ล้านลิตรต่อเดือน
ขณะที่ทั้งประเทศใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1,500 ล้านลิตรต่อเดือน หากจะนำเงินดังกล่าวมาลดราคาให้ทั้งหมดราคาน้ำมันจะถูกลงเพียง 25 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น แต่หากสามารถเข้าไปช่วยกลุ่มเหล่านี้ได้โดยอัดยาแรงเข้าไปถึงลิตรละ 3 บาท จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด และบรรเทาความเดือดร้อนอย่างได้ผล
ขณะเดียวกันต้องเข้าใจว่าแท้จริงแล้วค่าการกลั่นในภาพรวมไม่ได้สูงถึง 7-9 บาทต่อลิตร จะมีเพียงน้ำมันดีเซลและเบนซินเท่านั้น ที่มีส่วนต่างกับราคาน้ำมันดิบมาก จึงทำให้ค่าการกลั่นสูง แต่หากนำค่าการกลั่นของทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันมารวมกันจะเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1.50-1.60 บาทต่อลิตรเท่านั้น เพราะค่าการกลั่นของน้ำมันเตาและก๊าซแอลพีจีมีส่วนต่างต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบค่อนข้างมากต้องนำมาเฉลี่ยด้วย ไม่ใช่สูงเหมือนดีเซลในเวลานี้
อีกทั้งการที่กำหนดระยะเวลาช่วยเหลือเพียง 6 เดือนนั้น เนื่องจากเป็นระยะเวลานานพอที่ผู้ประกอบการต่างๆ มีเวลาปรับตัวและเตรียมการ โดยเฉพาะภาคขนส่งที่จะได้มีเวลาเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี หรือใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกับ ปตท. ก็จะทำให้รายได้ส่วนหนึ่งหายไป ตามสัดส่วนที่ได้เข้าไปถือหุ้นแต่ละโรงกลั่น ขณะที่โรงกลั่นเองจะมีรายได้หายไปบางส่วนแต่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับการที่โรงกลั่นจำหน่ายน้ำมันได้ลดลงจากความต้องการที่ลดลง
ทั้งนี้ หากนำเงินส่วนนี้ 2,196 ล้านบาท มาลดทั้งหมดจะลดราคาน้ำมันได้น้อยมากหรือประมาณ 25สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบมากกว่า เพราะหากรถโดยสารถึงจุดตกลงกันไม่ได้และหยุดวิ่ง แล้วโรงกลั่นก็ไม่สามารถหยุดกลั่นได้ อาจจะทำให้การจำหน่ายน้ำมันลดลงไป ซึ่งเวลาคิดต้องคำนึงถึงผู้ถือหุ้นด้วย ประทังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งโรงกลั่นได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว