นักลงทุนจองซื้อ "เอเชียซอฟท์ฯ" เท่าทุน ราคาหุ้นเทรดวันแรกปิดที่ 12 บาท เท่ากับราคาจอง ผู้บริหารพอใจแม้บรรยากาศไม่ดี ราคาหุ้นปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เชื่อได้รับความสนใจในระยะยาว คาดปีนี้เติบโต 30% ปรึกษาทางการเงิน AS เผยเทรดวันแรกภาวะตลาดไม่เอื้อ เพราะปัญหาการเมืองในประเทศ เชื่อหากเกิดภาวะปกติได้รับความสนใจสูง
วานนี้ (29 พ.ค.) ราคาหุ้น บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AS) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ปรากฎว่าราคาหุ้นเปิดตลาดที่ราคา 12.20 บาท ปรับขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ราคา 12.30 บาท และต่ำสุดที่ 11.90 บาท ก่อนปิดตลาดที่ราคา 12 บาท เท่ากับราคา IPO ที่กำหนด 12 บาท ด้วย มูลค่าการซื้อขายรวม 286.47 ล้านบาท
นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้นของบริษัทในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ แม้บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะไม่ค่อยดี แต่ด้วยพื้นฐานและศักยภาพของบริษัทเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระยะยาว และเรื่องราคาหุ้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามภาวะของตลาดหุ้นและราคาหุ้นวันแรกไม่ได้แสดงว่าหุ้นไม่ดีหรือไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งต้องดูในระยะยาวเมื่อบริษัทเติบโตที่ดี และบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น เชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบสนองในเชิงบวก
ทั้งนี้ เอเชียซอฟท์ฯ เป็นบริษัทคนไทยที่ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศและประสบความสำเร็จ เห็นได้จากรายได้จากต่างประเทศในปีที่ผ่านมามีถึง 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 49 จำนวน 273 ล้านบาท หรือ 76.8% ทำให้ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยล่าสุดกองทุน Lombard Asia III ได้ซื้อหุ้น IPO ของบริษัท 15 ล้านหุ้น และวันที่เข้าเทรดจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 15 ล้านหุ้น จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมในตลาดหลักทรัพย์ในราคา IPO รวมเป็นหุ้นที่ Lombard Asia III ถือทั้งสิ้น 30 ล้านหุ้น คิดเป็น 10 % ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและความสำเร็จในการขยายธุรกิจเกมออนไลน์ในต่างประเทศมากขึ้น
สำหรับ เงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 871 ล้านบาท บริษัทจะช้ลงทุนให้บริการเกมส์ออนไลน์ในมาเลเซียและเวียดนาม 200 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์เกมออนไลน์เพิ่ม 400 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มเติมในระบบเครือข่ายและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 100 ล้านบาท พัฒนาเกมออนไลน์ 70 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 101 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในประเทศเวียดนามจากเดิมที่บริษัทได้ให้ลิขสิทธิ์ช่วงแก่ CTCM โดยหลังจากประเทศเวียดนามได้เปิดเสรีทางการค้า บริษัทจึงวางแผนลงทุนโดยจัดตั้งบริษัทหรือเข้าซื้อหุ้นของผู้ประกอบการเกมออนไลน์ในเวียดนามภายในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ในขั้นตอนดำเนินการร่วมทุนกับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำจากต่างประเทศ โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน 3 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีฐานลูกค้าปัจจุบันเป็นกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,559 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการขยายงานในต่างประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาในประเทศและต่างประเทศเท่าๆ กัน ส่วน Net Profit Margin จะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 16-20%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/51 น่าจะออกมาดี เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/51 บริษัทมีการเปิดตัวเกมใหม่ 3 เกม ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/51 ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในตลาดมาเลเซียและเวียดนาม จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับสองมีมาร์เกตแชร์ประมาณ 20%
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน AS กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้น AS ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ไม่ค่อยดี เพราะได้รับความกดดันจากการเมืองในประเทศ ซึ่งหากในภาวะตลาดปกติ เชื่อว่าราคาหุ้น AS จะเพิ่มสูงกว่านี้ เพราะช่วงจองซื้อเมื่อวันที่ 20-22 พฤษภาคม 51 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมียอดจองซื้อหุ้นเกินกว่า 3 เท่า
ขณะที่ AS เป็นบริษัทที่มีศักยภาพมีแหล่งรายได้จากหลายประเทศ ประกอบกับธุรกิจออนไลน์อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูง ยังไม่ถึงจุดพีคซึ่งสามารถเติบโตได้อีกสูง และสามารถสร้างสินค้าขึ้นมาทดแทนได้เรื่อย ๆ และแผนการขยายงานไปในต่างประเทศ และซื้อเกมส์ออนไลน์ใหม่ ทำให้เห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จึงเชื่อว่าเป็นหุ้นที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่พื้นฐานดีและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมมูลค่า 900 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ ระดับราคาไอพีโอที่ 12 บาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 14 เท่า โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในปี 50 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.85 บาท
วานนี้ (29 พ.ค.) ราคาหุ้น บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AS) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ปรากฎว่าราคาหุ้นเปิดตลาดที่ราคา 12.20 บาท ปรับขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ราคา 12.30 บาท และต่ำสุดที่ 11.90 บาท ก่อนปิดตลาดที่ราคา 12 บาท เท่ากับราคา IPO ที่กำหนด 12 บาท ด้วย มูลค่าการซื้อขายรวม 286.47 ล้านบาท
นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้นของบริษัทในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ แม้บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะไม่ค่อยดี แต่ด้วยพื้นฐานและศักยภาพของบริษัทเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระยะยาว และเรื่องราคาหุ้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามภาวะของตลาดหุ้นและราคาหุ้นวันแรกไม่ได้แสดงว่าหุ้นไม่ดีหรือไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งต้องดูในระยะยาวเมื่อบริษัทเติบโตที่ดี และบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น เชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบสนองในเชิงบวก
ทั้งนี้ เอเชียซอฟท์ฯ เป็นบริษัทคนไทยที่ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศและประสบความสำเร็จ เห็นได้จากรายได้จากต่างประเทศในปีที่ผ่านมามีถึง 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 49 จำนวน 273 ล้านบาท หรือ 76.8% ทำให้ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยล่าสุดกองทุน Lombard Asia III ได้ซื้อหุ้น IPO ของบริษัท 15 ล้านหุ้น และวันที่เข้าเทรดจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 15 ล้านหุ้น จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมในตลาดหลักทรัพย์ในราคา IPO รวมเป็นหุ้นที่ Lombard Asia III ถือทั้งสิ้น 30 ล้านหุ้น คิดเป็น 10 % ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและความสำเร็จในการขยายธุรกิจเกมออนไลน์ในต่างประเทศมากขึ้น
สำหรับ เงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 871 ล้านบาท บริษัทจะช้ลงทุนให้บริการเกมส์ออนไลน์ในมาเลเซียและเวียดนาม 200 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์เกมออนไลน์เพิ่ม 400 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มเติมในระบบเครือข่ายและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 100 ล้านบาท พัฒนาเกมออนไลน์ 70 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 101 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในประเทศเวียดนามจากเดิมที่บริษัทได้ให้ลิขสิทธิ์ช่วงแก่ CTCM โดยหลังจากประเทศเวียดนามได้เปิดเสรีทางการค้า บริษัทจึงวางแผนลงทุนโดยจัดตั้งบริษัทหรือเข้าซื้อหุ้นของผู้ประกอบการเกมออนไลน์ในเวียดนามภายในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ในขั้นตอนดำเนินการร่วมทุนกับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำจากต่างประเทศ โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน 3 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีฐานลูกค้าปัจจุบันเป็นกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,559 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการขยายงานในต่างประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาในประเทศและต่างประเทศเท่าๆ กัน ส่วน Net Profit Margin จะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 16-20%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/51 น่าจะออกมาดี เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/51 บริษัทมีการเปิดตัวเกมใหม่ 3 เกม ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/51 ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในตลาดมาเลเซียและเวียดนาม จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับสองมีมาร์เกตแชร์ประมาณ 20%
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน AS กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้น AS ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ไม่ค่อยดี เพราะได้รับความกดดันจากการเมืองในประเทศ ซึ่งหากในภาวะตลาดปกติ เชื่อว่าราคาหุ้น AS จะเพิ่มสูงกว่านี้ เพราะช่วงจองซื้อเมื่อวันที่ 20-22 พฤษภาคม 51 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมียอดจองซื้อหุ้นเกินกว่า 3 เท่า
ขณะที่ AS เป็นบริษัทที่มีศักยภาพมีแหล่งรายได้จากหลายประเทศ ประกอบกับธุรกิจออนไลน์อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูง ยังไม่ถึงจุดพีคซึ่งสามารถเติบโตได้อีกสูง และสามารถสร้างสินค้าขึ้นมาทดแทนได้เรื่อย ๆ และแผนการขยายงานไปในต่างประเทศ และซื้อเกมส์ออนไลน์ใหม่ ทำให้เห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จึงเชื่อว่าเป็นหุ้นที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่พื้นฐานดีและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมมูลค่า 900 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ ระดับราคาไอพีโอที่ 12 บาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 14 เท่า โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในปี 50 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.85 บาท
