xs
xsm
sm
md
lg

ทิ้งบิ๊กแคปฉุดหุ้นร่วง23จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักลงทุนทิ้งหุ้นบิ๊กแคป-พลังงาน กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงเกือบ 23 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 3.17 พันล้านบาท ระบุระยะเวลาแค่ 3 วันมาร์เกตแคปตลาดรวมสูญไปแล้วกว่า 3.3 แสนล้านบาท โบรกเกอร์ชี้ปัจจัยจากราคาน้ำมันดิบร่วง-การเมืองยืดเยื้อ

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทย วานนี้ (28 พ.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 853.60 จุด ก่อนจะมีแรงเทขายออกอย่างหนักในช่วงบ่ายและปิดการซื้อขายที่ราคาต่ำสุดที่ 832.99 จุด ลดลงจากกวันก่อน 22.61 จุด คิดเป็น 2.64% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 22,045.35 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,168.26 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 17.56 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 3,150.70 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ในกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่มีราคาปรับตัวลดลงเกือบทุกบริษัท อาทิ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 184 บาท ลดลง 9 บาท บมจ. ปตท (PTT) ปิดที่ 340 บาท ลดลง 14 บาท และบมจ. บ้านปู (BANPU) ปิด 464 บาท ลดลง 16 บาท และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ปิด 61.50 บาท ลดลง 2 บาท จากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากเมื่อวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. 51 ที่ผ่านมา จากระดับ 6.88 ล้านล้านบาท เหลือ 6.55 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 3.3 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 4.80%

นางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงค่อนข้างแรง โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากปัจจัยหลัก 2 ส่วน ได้แก่ ความกังวลในสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและต้องการรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อน

"ความขัดแย้งทางการเมืองทำให้แรงดึงดูดของตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติลดลงในช่วงนี้ เมื่อรวมกับความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง แม้ล่าสุดราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงมาเกือบ 4 เหรียญต่อบาร์เรล ต่ำกว่า 130 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ภาพยังไม่ชัดเจนว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาจริง และลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ความกังวลตรงนี้ยังคงอยู่กับตลาดหุ้นทั่วโลกต่อไป"

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 พ.ค.) ดัชนีจะทรงตัวหรืออ่อนตัวลงเล็กน้อย จากสถานการ์ทางการเมืองที่ยังคลี่คลาย และการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงกดดันตลาดจนกว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 830-850 จุด หากที่ 830 จุด ดัชนีไม่สามารถรีบาวน์ได้ มีโอกาสที่จะหลุดลงไปถึง 800 จุด

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ดัชนีปรับลดลงแรงกว่าที่คาดการณ์ อาจเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในประเทศที่มากขึ้น เมื่อจำนวนของผู้ชุมนุมร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตรเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามประเด็นการเมืองตรงนี้ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะมีข้อสรุป ซึ่งมองว่าเมื่อผ่านไปสักระยะทุกคนจะเริ่มชินมากชิน และดัชนีที่ปรับลดลงมาก็จะค่อยๆ ขยับขึ้นได้

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงเช่นกัน ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย เมื่อปิดตัวในแดนลบและแดนบวกสลับกัน

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนีมีโอกาสรีบาวน์กลับ แต่จะปรับขึ้นมาแรงมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ หากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นแรงๆ ก็จะมีให้เห็น แต่ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่อง การรีบาวน์กลับของดัชนีคงเป็นไปได้อย่างจำกัด โดยดัชนีมีแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน คือ 828 จุด และมีแนวต้านที่ 849-50 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นที่อิงกับปัจจัยภายในประเทศ ไม่ขึ้นกับราคาน้ำมันดิบ เพราะมีโอกาสที่จะดีดกลับเมื่อปัจจัยในประเทศดีขึ้น

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าบุคคล บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ พลังงานและธนาคาร ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นกับการเมืองในประเทศ เมื่อการชุมนุมยังยืดเยื้อทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่แน่ใจ ขายหุ้นออกมา

ประกอบกับกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง และผลกระทบทางจิตวิทยาเมื่อกระทรวงพลังงานต้องการให้กลุ่มโรงกลั่นลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลง 1 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมองว่าเป็นการแทรกแซงระบบทุนนิยมที่ควรปล่อยไปตามกลไกลตลาด

ทั้งนี้ การที่ดัชนีปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว มองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะรีบาวน์กลับขึ้มมาได้ หากการเมืองในประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามยังอยู่ที่การเมืองในประเทศและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะส่งผลต่อการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 828 จุด และแนวต้านที่ 840 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในภาวะที่นักลงทุนต่างชาติขายแรงๆ ควรชะลอการลงทุน หรือเลือกเล่นรายตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น