"หมอเลี้ยบ" ร้องขอทูตไทยช่วยชี้แจงต่างชาติ ยันไทยจะไม่มีการปฎิวัติเหมือนเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 พร้อมยอมรับ ต่างชาติกังวลแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล หลังการชุมนุมเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย
วันนี้ (28 พ.ค.) นพ.สุรพงศ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อบรรยายเรื่องนโยบายการเงินการคลัง ให้เอกอัคราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกรับฟัง ในการประชุมเอกอัคราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2551 ระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค. 2551 ซึ่งภายหลังการบรรยายฯ นพ.สุรพงศ์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตอนนี้ ประเทศไทยมีภาวะความเสี่ยงต่อการไม่น่าลงทุนโดยเฉพาะปัญหาทางด้านการเมือง พร้อมยอมรับว่า นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ยังคงมีความกังวลเรื่องประเด็นในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นอกจากนี้ กระแสข่าวแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ที่ออกมาเป็นระยะๆ สะท้อนแนวโน้มความยั่วยุท้าทาย ซึ่งอาจลุกลามนำไปสู่ปัญหาการกระทบกระทั่ง และความรุนแรงมาโดยตลอด ทำให้ต่างชาติกังวลว่า อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายทหารต้องออกมาควบคุมสถานการณ์ นักลงทุนจึงเกิดความไม่มั่นใจว่า ในอนาคตรัฐบาลจะมีทางออกในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
"เรื่องนี้ ผมมองในเชิงบวกว่า บทเรียนในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา น่าจะทำให้ทุกคนรู้ขอบข่ายการแสดงความเห็น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประเทศโดยรวม" นพ.สุรพงษ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
หากการชุมนุมไม่ลุกลามบานปลาย ผู้มีอำนาจรับฟัง พยายามแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด และมีทางออกที่ดี ความเชื่อมั่นด้านลงทุนจะกลับมา ส่วนภาระหนักของประเทศตอนนี้ ได้แก่ ปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งต้องหามาตรการเร่งรัดแก้ไขโดยเร็ว พร้อมกับกระตุ้นให้ประชาชนสามารถปรับตัวได้ภายใต้สภาวะการค่าครองชีพสูงขึ้น รวมถึงแนวทางในการแก้ไขของรัฐบาลก็จะสามารถบรรเทาความไม่มั่นใจด้านการลงทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนเองได้ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่า ทุกอย่างจะดำเนินไปตามกระบวนการประชาธิปไตยและจะไม่เกิดการปฏิวัติเช่น 19 ก.ย. 2549 อีก เพราะเป็นผลเสียต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม หากการแสดงออกซึ่งความเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย คงไม่มีปัญหาต่อการเดินหน้าและพัฒนาเศรษฐกิจไทย
น.พ.สุรพงศ์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการผันผวนเพียงชั่วคราว เพราะเมื่อตลาดเปิดออกมาก็มีการชุมนุมกันซึ่งถ้าหากทุกอย่างไม่มีอะไรรุนแรงสถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
