DEMCO ลุยธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ เตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบและไฟฟ้าพลังลมวงเงินรวม 1,830 ล้านบาท ด้านผู้บริหารมั่นใจปีนี้โต 10-20% พร้อมโชว์ Backlog 1.7 พันล้านบาท และรับรู้ปีนี้ 1.4 พันล้านบาท เผยจะเข้าประมูลงานมูลค่า 4 พันล้านบาท เตรียมย้ายไป SET หากไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แย้มอีก 2 ปี นำเจพีเอ็ม เข้าเทรด
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน)( DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ มูลค่า 330 ล้านบาท ที่จังหวัดร้อยเอ็ดวันที่ 23 พฤษภาคมนี้พร้อมเตรียมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
สำหรับ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ บริษัทจะดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง รวมถึงระบบไฟฟ้าและเครื่องกลทั้งโครงการ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน นับเป็นโครงการแรกที่บริษัทก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างครบวงจร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่เป็น Reference ในการประมูลงานโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดีในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบงานปรับปรุงพื้นที่โครงการ ถนน ฐานสำหรับอุปกรณ์และกังหันลม งานสถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล คิดเป็นมูลค่างานประมาณ 1,500 ล้านบาท จากงบประมาณการลงทุน 6,000 ล้านบาท ที่บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล เอ็นเนอยี่ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังลม และบริษัทดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ติดตั้งกังหันลมอีก 3 แห่ง มีขนาดกำลังการผลิตและมูลค่าโครงการที่ใกล้เคียงกันโดยโครงการเหล่านี้จะดำเนินการระหว่าง ปี 52 - 55
"การขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งสองอย่าง จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต โดยรายได้จะเริ่มทยอยรับรู้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับงานที่ได้จากการประมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานขายและงานบริการ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปี 51 ของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,177.05 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการบริการวิศวกรรมไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า 75% และรายได้จากการขาย 25%" นายประเดช กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทชนะการประมูล และรอลงนามในสัญญางาน 13 โครงการ มูลค่ารวม 750 ล้านบาท ทำให้มี Backlog ณ เดือนพฤษภาคม 51 ถึง 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 1,400 ล้านบาท และรับรู้ปี 52 อีก 300 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2 นี้บริษัทจะเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท โดยประเมินว่าในไตรมาส ดังกล่าวจะมีรายได้ 500-600 ล้านบาท
สำหรับ ความคืบหน้าในการย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขณะนี้ บริษัทกำลังหารือกับตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในการขอขยายวงเงินที่จะได้รับประโยชน์จากสิทธิภาษีกับทางภาครัฐ โดยคาดว่าจะทราบผลไตรมาส 3 นี้ ซึ่งหากไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีก็จะพิจารณาย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งที่จะนำบริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดใช้เวลาอีก 2 ปี หลังจากที่บริษัทลูกมีรายได้แน่นนอน แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะเป็น SET หรือ mai ซึ่งต้องพิจารณาทุนจดทะเบียนในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบัน บริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท โดย DEMCO ถือหุ้นอยู่ 45% และมีกรรมการของ DEMCO เข้าไปร่วมบริหาร 3 ใน 5 คนและตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 200-300 ล้านบาท โดยจะมาจากต่างประเทศ 50 ล้านบาท
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน)( DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ มูลค่า 330 ล้านบาท ที่จังหวัดร้อยเอ็ดวันที่ 23 พฤษภาคมนี้พร้อมเตรียมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
สำหรับ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ บริษัทจะดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง รวมถึงระบบไฟฟ้าและเครื่องกลทั้งโครงการ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน นับเป็นโครงการแรกที่บริษัทก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างครบวงจร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่เป็น Reference ในการประมูลงานโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดีในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบงานปรับปรุงพื้นที่โครงการ ถนน ฐานสำหรับอุปกรณ์และกังหันลม งานสถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล คิดเป็นมูลค่างานประมาณ 1,500 ล้านบาท จากงบประมาณการลงทุน 6,000 ล้านบาท ที่บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล เอ็นเนอยี่ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังลม และบริษัทดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ติดตั้งกังหันลมอีก 3 แห่ง มีขนาดกำลังการผลิตและมูลค่าโครงการที่ใกล้เคียงกันโดยโครงการเหล่านี้จะดำเนินการระหว่าง ปี 52 - 55
"การขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งสองอย่าง จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต โดยรายได้จะเริ่มทยอยรับรู้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับงานที่ได้จากการประมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานขายและงานบริการ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปี 51 ของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,177.05 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการบริการวิศวกรรมไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า 75% และรายได้จากการขาย 25%" นายประเดช กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทชนะการประมูล และรอลงนามในสัญญางาน 13 โครงการ มูลค่ารวม 750 ล้านบาท ทำให้มี Backlog ณ เดือนพฤษภาคม 51 ถึง 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 1,400 ล้านบาท และรับรู้ปี 52 อีก 300 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2 นี้บริษัทจะเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท โดยประเมินว่าในไตรมาส ดังกล่าวจะมีรายได้ 500-600 ล้านบาท
สำหรับ ความคืบหน้าในการย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขณะนี้ บริษัทกำลังหารือกับตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในการขอขยายวงเงินที่จะได้รับประโยชน์จากสิทธิภาษีกับทางภาครัฐ โดยคาดว่าจะทราบผลไตรมาส 3 นี้ ซึ่งหากไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีก็จะพิจารณาย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งที่จะนำบริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดใช้เวลาอีก 2 ปี หลังจากที่บริษัทลูกมีรายได้แน่นนอน แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะเป็น SET หรือ mai ซึ่งต้องพิจารณาทุนจดทะเบียนในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบัน บริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท โดย DEMCO ถือหุ้นอยู่ 45% และมีกรรมการของ DEMCO เข้าไปร่วมบริหาร 3 ใน 5 คนและตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 200-300 ล้านบาท โดยจะมาจากต่างประเทศ 50 ล้านบาท