บิ๊กแบงก์กรุงไทยระบุแม้ปัญหาซับไพรม์ยังไม่จบโดยเร็ว แต่ซีดีโอที่ลงทุนราคาเริ่มกระเตื้องขึ้น 2-3% เผยถือจนครบอายุจะคุ้มกว่าขายออกตอนนี้ แนะรัฐเร่งฟื้นความเชื่อมั่น หวั่นมีผลต่อเศรษฐกิจ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (CDO) ซึ่งที่ผ่านมามูลค่าของตราสารดังกล่าวได้ด้อยค่าลงต่ำสุดอยู่ที่ 40% ในขณะนี้ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นมาแล้ว 2-3% แต่จากดัชนีที่ใช้วัดค่าตราสารอนุพันธ์ (CDX Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการซื้อขายตราสารดังกล่าวว่าอยู่ในระดับราคาเท่าไหร่ได้ปรับตัวดีขึ้น แต่มองว่าจะเป็นเพียงแค่เป็นการปรับชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงนโยบายที่จะถือตราสาร CDO ไว้จนครบอายุ แม้ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาน่าจะยังไม่จบในเวลาอันใกล้นี้ จากเดิมเคยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 หรือ 2 ของปีนี้ปัญหาดังกล่าวน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
"สถานการณ์ของ CDO ที่ลงทุนตอนนี้ก็ยังทรง ๆ อยู่ แต่ราคาดีขึ้นนิดหน่อย ขึ้นมาประมาณ 2-3% เพราะ CDX Index ดีขึ้น แต่ก็มีขึ้น ๆ ลง ๆ บ้างสลับกันไป แต่เชื่อว่าปัญหาซับไพรม์คงยังไม่จบ คงอีกยาวไม่จบง่าย ๆ ส่วน CDX Index ที่ดีขึ้นก็น่าจะเป็นการปรับแค่ชั่วคราว ตอนนี้ถ้าจะขายก็ยังไม่คุ้ม"
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มตกลงมานั้น มองว่า ดัชนีที่ตกลงมานั้นเป็นเพียงการตกเดือนแรก ซึ่งก็เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข เพราะถ้าดัชนีตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีระยะเวลาที่ยาวนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากจะมีผลต่อเศรษฐกิจและก็จะส่งต่อมายังธนาคาร และส่วนอื่น ๆ อีก ส่วนสิ่งที่น่าเป็นห่วงในประเทศไทยตอนนี้ คือเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ควบคุมและแก้ไขได้ยาก และแนวโน้มของค่าเงินบาทก็มีความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้งหากปล่อยให้เงินเฟ้อสูงก็จะทำให้มีผลต่อความมั่นใจได้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้น่าจะทรงตัวต่อไปเรื่อง ๆ แต่ไม่น่าจะมีการปรับลงได้อีก และหากจะปรับขึ้นก็คงต้องมีความระมัดระวัง
โดยจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้ ทำให้ธนาคารอยู่ในช่วงการพิจารณาการช่วยเหลือพนักงานเพื่อลดภาระค่าครองชีพในปัจจุบัน จากเดิมในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการปรับเพิ่มผลตอบแทนให้กับพนักงานเป็นจำนวน 4% โดยเพิ่มเข้าไปให้ในส่วนของเงินเดือน แต่ที่พิจารณาอยู่นี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นการช่วยเหลือในส่วนไหน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (CDO) ซึ่งที่ผ่านมามูลค่าของตราสารดังกล่าวได้ด้อยค่าลงต่ำสุดอยู่ที่ 40% ในขณะนี้ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นมาแล้ว 2-3% แต่จากดัชนีที่ใช้วัดค่าตราสารอนุพันธ์ (CDX Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการซื้อขายตราสารดังกล่าวว่าอยู่ในระดับราคาเท่าไหร่ได้ปรับตัวดีขึ้น แต่มองว่าจะเป็นเพียงแค่เป็นการปรับชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงนโยบายที่จะถือตราสาร CDO ไว้จนครบอายุ แม้ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาน่าจะยังไม่จบในเวลาอันใกล้นี้ จากเดิมเคยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 หรือ 2 ของปีนี้ปัญหาดังกล่าวน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
"สถานการณ์ของ CDO ที่ลงทุนตอนนี้ก็ยังทรง ๆ อยู่ แต่ราคาดีขึ้นนิดหน่อย ขึ้นมาประมาณ 2-3% เพราะ CDX Index ดีขึ้น แต่ก็มีขึ้น ๆ ลง ๆ บ้างสลับกันไป แต่เชื่อว่าปัญหาซับไพรม์คงยังไม่จบ คงอีกยาวไม่จบง่าย ๆ ส่วน CDX Index ที่ดีขึ้นก็น่าจะเป็นการปรับแค่ชั่วคราว ตอนนี้ถ้าจะขายก็ยังไม่คุ้ม"
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มตกลงมานั้น มองว่า ดัชนีที่ตกลงมานั้นเป็นเพียงการตกเดือนแรก ซึ่งก็เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข เพราะถ้าดัชนีตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีระยะเวลาที่ยาวนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากจะมีผลต่อเศรษฐกิจและก็จะส่งต่อมายังธนาคาร และส่วนอื่น ๆ อีก ส่วนสิ่งที่น่าเป็นห่วงในประเทศไทยตอนนี้ คือเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ควบคุมและแก้ไขได้ยาก และแนวโน้มของค่าเงินบาทก็มีความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้งหากปล่อยให้เงินเฟ้อสูงก็จะทำให้มีผลต่อความมั่นใจได้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้น่าจะทรงตัวต่อไปเรื่อง ๆ แต่ไม่น่าจะมีการปรับลงได้อีก และหากจะปรับขึ้นก็คงต้องมีความระมัดระวัง
โดยจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้ ทำให้ธนาคารอยู่ในช่วงการพิจารณาการช่วยเหลือพนักงานเพื่อลดภาระค่าครองชีพในปัจจุบัน จากเดิมในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการปรับเพิ่มผลตอบแทนให้กับพนักงานเป็นจำนวน 4% โดยเพิ่มเข้าไปให้ในส่วนของเงินเดือน แต่ที่พิจารณาอยู่นี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นการช่วยเหลือในส่วนไหน
