พฤกษาฯ เพิ่มสินค้าทาวน์เฮาส์ระดับพรีเมียมใจกลางเมือง ราคากว่า 3 ล้านบาท นำร่องเส้นสาทร ระบุหากลูกค้าตอบรับ ลุยปั๊มเพิ่ม จับตาเป็นกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าขายให้สูงขึ้น เล็งเปิดเพิ่มอีก 7 โครงการใหม่จากเดิม 40 โครงการหวังทันมาตรการภาษี ขณะที่ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 104% ด้านคิวเฮ้าส์คาดทั้งปียอดรับรู้รายได้ 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดอีก 11 โครงการใหม่ มูลค่า 16,000 ล้านบาท "โนเบิลฯ"ยอดขายดีขึ้น
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,230 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% ที่มีรายได้ 1,892 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 308 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ที่มีกำไร 292 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรวม 4,884 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 104% ที่มียอดขาย 2,390 ล้านบาท
" การที่บริษัทมียอดขายเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากกระจายทำเลการเปิดตัวโครงการและมีการปรับราคาสินค้าในบางแบรนด์ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ ที่พัฒนาในเมืองมากขึ้น และสามารถตั้งราคาขายที่ระดับสูงกว่า 1 ล้านบาท จากเดิมที่เคยเปิดแต่ย่านชานเมืองในระดับราคา 8-9 แสนบาท"
นายทองมายอมรับว่า ปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงทางด้านต้นทุนมาก โดยเฉพาะจากเรื่องวัสดุก่อสร้าง แต่บริษัทก็มีการบริหารความเสี่ยงด้วยการลดต้นทุนและมีการซื้อขายล่วงหน้าโดยเฉพาะเหล็กเส้นเอาไว้โดยราคาเหล็กเส้นของบริษัทอยู่ที่ 20 และ 30 บาทต่อกิโลกรัม จากที่ล่าสุดราคาเหล็กเส้นปรับขึ้นไปอยู่ที่ 37-40 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับอานิสงส์จากการปรับลดมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาลทำให้มีผลกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 37.4% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยทาวน์เฮาส์มีผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 37-38% ขณะที่คอนโดฯและบ้านเดี่ยวมีผลตอบแทนขั้นต้นอยู่ที่ 35%
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ เดิมตั้งเป้าเปิดทั้งปี 40 โครงการ โดยในไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 12 โครงการและจะเปิดตัวใหม่ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 อีก 21 โครงการ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีกประมาณ 7 โครงการจากแผนเดิม เพื่อให้ทันกับมาตรการภาษีของภาครัฐบาทที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนมีนาคม 2552 ขณะที่มีการใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 2,000 ล้านบาท จะมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท
"บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์รุ่นใหม่ในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งระดับราคาดังกล่าวจะต้องอยู่ในทำเลที่ดีใกล้เมือง โดยโครงการแรกจะอยู่ในทำเลสาทร เพื่อทดสอบตลาด หากยอดขายไปได้ดี จะหาทำเลใหม่อย่างต่อเนื่อง " นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาฯ กล่าว
**QH คาดทั้งปียอดรับรู้รายได้กว่าหมื่นล.
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า ไตรมาส 1 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 2,449 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,044 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 311 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 94 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 10,500 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1,500 ล้านบาท
โดยในปีนี้ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 16,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรก เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3 โครงการมูลค่าขายรวม 5,550 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคอนโดฯจำนวน 2 โครงการ คือ Q. House Condo Sathorn มูลค่าประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีระดับราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตร.ม. คาดว่าจะสร้างเสร็จต้นปี52 และโครงการคาซ่า Condo Ratchada-Thapra มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ราคาขาย 50,000 บาทต่อตร.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดจะก่อสร้างเสร็จต้นปี 52
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปลี่ยนโครงการ Centre Point Langsuan จากโครงการรูปแบบ Serviced Apartment ให้เป็นคอนโดมิเนียมขนาด 38 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาทราคาขาย 180,000 บาทต่อตร.ม. อย่างไรก็ดี บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในอนาคต ไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท
**โนเบิลฯรับผลบวกขายคอนโดฯ
นายสิทธิ ลีละเกษมฤกษ์ กรรมการบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้งบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 61.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 462.3 % เทียบกับงวดเดียวกันของปี 50 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 10.97 ล้านบาท
สาเหตุที่มีผลประกอบการดีขึ้น มาจากในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯจำนวน 547.28 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 155.5% ( เทียบ 214.20 ล้าน) เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มียอดขายที่ยังไม่รับรู้รายได้และสามารถรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตอีกประมาณ 3,700
ล้านบาท
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 38.4% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงมา คิดเป็น 18.8% ของรายได้จากการขายและบริการ ลดลงจากที่มีสัดส่วน 33.6%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,230 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% ที่มีรายได้ 1,892 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 308 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ที่มีกำไร 292 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรวม 4,884 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 104% ที่มียอดขาย 2,390 ล้านบาท
" การที่บริษัทมียอดขายเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากกระจายทำเลการเปิดตัวโครงการและมีการปรับราคาสินค้าในบางแบรนด์ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ ที่พัฒนาในเมืองมากขึ้น และสามารถตั้งราคาขายที่ระดับสูงกว่า 1 ล้านบาท จากเดิมที่เคยเปิดแต่ย่านชานเมืองในระดับราคา 8-9 แสนบาท"
นายทองมายอมรับว่า ปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงทางด้านต้นทุนมาก โดยเฉพาะจากเรื่องวัสดุก่อสร้าง แต่บริษัทก็มีการบริหารความเสี่ยงด้วยการลดต้นทุนและมีการซื้อขายล่วงหน้าโดยเฉพาะเหล็กเส้นเอาไว้โดยราคาเหล็กเส้นของบริษัทอยู่ที่ 20 และ 30 บาทต่อกิโลกรัม จากที่ล่าสุดราคาเหล็กเส้นปรับขึ้นไปอยู่ที่ 37-40 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับอานิสงส์จากการปรับลดมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาลทำให้มีผลกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 37.4% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยทาวน์เฮาส์มีผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 37-38% ขณะที่คอนโดฯและบ้านเดี่ยวมีผลตอบแทนขั้นต้นอยู่ที่ 35%
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ เดิมตั้งเป้าเปิดทั้งปี 40 โครงการ โดยในไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 12 โครงการและจะเปิดตัวใหม่ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 อีก 21 โครงการ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีกประมาณ 7 โครงการจากแผนเดิม เพื่อให้ทันกับมาตรการภาษีของภาครัฐบาทที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนมีนาคม 2552 ขณะที่มีการใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 2,000 ล้านบาท จะมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท
"บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์รุ่นใหม่ในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งระดับราคาดังกล่าวจะต้องอยู่ในทำเลที่ดีใกล้เมือง โดยโครงการแรกจะอยู่ในทำเลสาทร เพื่อทดสอบตลาด หากยอดขายไปได้ดี จะหาทำเลใหม่อย่างต่อเนื่อง " นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาฯ กล่าว
**QH คาดทั้งปียอดรับรู้รายได้กว่าหมื่นล.
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า ไตรมาส 1 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 2,449 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,044 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 311 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 94 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 10,500 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1,500 ล้านบาท
โดยในปีนี้ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 16,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรก เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3 โครงการมูลค่าขายรวม 5,550 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคอนโดฯจำนวน 2 โครงการ คือ Q. House Condo Sathorn มูลค่าประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีระดับราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตร.ม. คาดว่าจะสร้างเสร็จต้นปี52 และโครงการคาซ่า Condo Ratchada-Thapra มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ราคาขาย 50,000 บาทต่อตร.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดจะก่อสร้างเสร็จต้นปี 52
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปลี่ยนโครงการ Centre Point Langsuan จากโครงการรูปแบบ Serviced Apartment ให้เป็นคอนโดมิเนียมขนาด 38 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาทราคาขาย 180,000 บาทต่อตร.ม. อย่างไรก็ดี บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในอนาคต ไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท
**โนเบิลฯรับผลบวกขายคอนโดฯ
นายสิทธิ ลีละเกษมฤกษ์ กรรมการบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้งบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 61.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 462.3 % เทียบกับงวดเดียวกันของปี 50 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 10.97 ล้านบาท
สาเหตุที่มีผลประกอบการดีขึ้น มาจากในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯจำนวน 547.28 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 155.5% ( เทียบ 214.20 ล้าน) เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มียอดขายที่ยังไม่รับรู้รายได้และสามารถรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตอีกประมาณ 3,700
ล้านบาท
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 38.4% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงมา คิดเป็น 18.8% ของรายได้จากการขายและบริการ ลดลงจากที่มีสัดส่วน 33.6%