รมว.คลัง กังวลเงินเฟ้อเอาไม่อยู่ หลังน้ำมันโลกทะลุ 126 ดอลลาร์/บาเรล เชื่อกดดันอัตราขยายตัว ศก.ไตรมาส 2/51 แนวโน้มโตไม่ถึง 5% ตามที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมแนะ กนง.หั่นดอกเบี้ย เพื่อช่วยลดแรงกดดัน
วันนี้(12 พ.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ ผู้บริหารบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ โดยระบุว่า นักวิเคราะห์ได้สอบถามถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยได้ชี้แจงว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาเอง แต่โดยส่วนตัวยังให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งทาง กนง.เองจะต้องดูแลให้เกิดการสมดุล ไม่ใช่แค่คำนึงถึงอัตารเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะต้องดูว่าการดูแลเงินเฟ้อจะต้องไม่ให้กระทบถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย
ทั้งนี้ พบว่าตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาอยากที่จะให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่สถานการณ์ในขณะนี้ที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น กนง.ก็จะต้องดูว่าควรจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ เพราะการที่เป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อมากจนเกินไปและทำให้เศรษฐกิจฟุบ ก็จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยในขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของไทยยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นมาก
แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 6% แต่ในช่วงไตรมาส 2/51 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงเกินกว่า 126 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเป็นแรงกดดันสำคัญต่อจีดีพีที่รัฐบาลจะประมาทไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลคงต้องออกมาตรการมาดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สร้างแรงกดดันต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ
"เดิมเคยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะไม่เกิน 5% บนพื้นฐานที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ขณะนี้เงินเฟ้อเกินไปจากที่คาดการณ์ไว้แล้ว ทำให้เราต้องเตรียมการดูแลเรื่องเงินเฟ้อ เรื่องพลังงาน เคยวางแผนใช้เวลาช่วงหนึ่ง คงต้องร่นให้เร็วขึ้น" นพ.สุรพงษ์ ระบุ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลเตรียมจะผลักดันมาตรการระลอกใหม่ออกมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เน้นให้ประชาชนหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดพลังงานอย่างรวดเร็ว แต่จะไม่ใช้วิธีการอุดหนุนราคาน้ำมัน เพราะจะเห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หลายประเทศที่เคยเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันเริ่มฉุดไม่อยู่ ทั้งประเทศแถบเอเชียและแถบตะวันตก อีกทั้งแม้เข้าไปอุดหนุนน้ำมันแต่ยังดูแลเงินเฟ้อได้ไม่ดีนักและกลับตกเป็นภาระของรัฐบาล
"มาตรการที่จะออกมาใช้จูงใจให้คนประหยัดพลังงาน คงยังบอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ขอให้การหารือมีข้อสรุปชัดเจนก่อน แต่บอกได้ว่า เป็นมาตรการที่ตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน" รมว.คลัง กล่าวสรุปทิ้งท้าย
