ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อคืนนี้ โดยในระหว่างการซื้อขาย ราคาทะยานขึ้นเหนือระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้รับอิทธิพลจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น อาจจะกระทบต่อราคาสินค้าและการบริการในสหรัฐ ขณะที่ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 87 จุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือน มิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 3.14 % มา ปิดที่ 119.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 120.36 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 8.78 เซนต์ หรือ 2.73% แตะระดับ 3.3065 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 8.65 เซนต์ แตะระดับ 3.0529 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 3.43 ดอลลาร์ แตะระดับ 117.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างรุนแรง โดยดอลลาร์อ่อนตัวลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะหยุดพักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่าอิหร่านประกาศจะไม่พิจารณามาตรการจูงใจใดๆจากชาติมหาอำนาจในการจำกัดสิทธิของอิหร่านที่มีต่อเทคโนโลยีด้านนิวเคลียร์ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ชาติมหาอำนาจ 6 ชาติได้ตกลงกันว่าจะยื่นข้อเสนอจูงใจครั้งใหม่แก่อิหร่าน เพื่อสนับสนุนให้อิหร่านระงับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม
ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาจากปัญหาขัดข้องด้านการผลิตและการลำเลียงน้ำมันในไนจีเรีย หลังจากที่กลุ่มกบฏได้โจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อคน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อคน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อคน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อคน้ำมันเบนซินอาจลดลง 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 86%
**น้ำมันพุ่งเกือบ 4 ดอลลาร์ ฉุดดาวโจนส์ร่วงเกือบ 87 จุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐ ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล และจากข่าวที่ว่าบริษัทไมโครซอฟท์ตัดสินใจถอนตัวออกจากการซื้อกิจการบริษัทยาฮู อิงค์
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 88.66 จุด หรือ 0.68% แตะระดับ 12,969.54 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 6.41 จุด หรือ 0.45% แตะระดับ 1,407.49 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 12.87 จุด หรือ 0.52% แตะระดับ 2,464.12 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.11 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.08 พันล้านหุ้น
นายรัสเซลล์ ครอฟท์ นักวิเคราะห์จากบริษัทครอฟท์ ลีโอมินส์เตรอ์ อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในเมืองบัลติมอร์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะเงินเฟ้ออาจบีบให้ผู้บริโภคต้องลดการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลง ซึ่งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ
เมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้น 3.65 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 119.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 120.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในไนจีเรีย อิหร่าน และอิรัก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า ไมโครซอฟท์ คอร์ป บริษัทซอฟท์แวร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้ล้มเลิกความพยายามที่จะซื้อกิจการของบริษัท ยาฮู อิงค์ แล้ว หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับมูลค่าในการเทคโอเวอร์
โดยเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เสนอซื้อกิจการของยาฮูด้วยมูลค่า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 31 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ยาฮูปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมูลค่ามากกว่านั้นมาก
หลังจากนั้นไมโครซอฟท์จึงเพิ่มข้อเสนอเป็น 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ยาฮูแสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนว่าต้องการอย่างน้อย 37 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือมากกว่ามูลค่าที่ไมโครซอฟท์เสนอในเบื้องต้นกว่า 6 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสำหรับไมโครซอฟท์แล้ว การเพิ่มข้อเสนอเพียง 1 ดอลลาร์ต่อหุ้นทำให้ไมโครซอฟท์ต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 16 เซนต์ แตะระดับ 29.08 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นยาฮูดิ่งลง 15%
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นหลายกลุ่มร่วงลง อาทิ หุ้นสายการบินและหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.6% หและหุ้นคอนติเนนตัล แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.4% ขณะที่หุ้นมาซี อิงค์ ดิ่งลง 4.6% และหุ้นเจ.ซี.เพนนี รูดลง 4.1%
หุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายหลังจากมีข่าวว่า แบงก์ ออฟ อเมริกาซึ่งเป็นธนาคารอันดับ 2 ของสหรัฐ อาจยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล โดยหุ้นคันทรีไวด์ร่วงลงกว่า 10 % หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 2.4%
ส่วนหุ้นเบิร์คเชียร์ ฮาธาเวย์ ร่วงลงกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจด้านประกันซบเซาลง