ก.ล.ต.แจงปี 50 ตรวจสอบคดีรวม 50 เรื่อง "ปั่นหุ้น อินไซด์เทรดดิ้ง ผู้บริหารบจ.ทุจริต" พร้อมส่งเรื่องให้ดีเอไอตรวจสอบ 5 เรื่อง ขณะที่ศาลได้มีคำพิพากษาในปีก่อน5 คดี "เพาเวอร์พี- บง.ฟินันซ่า -ธนาคารนครหลวงไทย -ทีพีไอ โพลีน" พร้อมเปิดผลประกอบการปีก่อนรายได้รวม 793.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.97% ขณะที่มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายโตกว่า100% จากปีก่อน
จากรายงานประจำปี 50 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า ในปี 50 ก.ล.ต. ได้มีการติดตามหาสาเหตุความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์เบื้องต้นกว่า 400 หลักทรัพย์ ซึ่งหากมีข้อสงสัยก.ล.ต.จะประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์เพื่อหามาตการที่เหมาะสมหรือเริ่มดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป และในปีที่ผ่านมาก.ล.ต.ได้มีการดำเนินการเรื่องที่ตลท.ส่งมาให้จำนวน 13 เรื่อง
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้มีการดำเนินการตรวจสอบ 50 เรื่อง แบ่งเป็น สร้างราคาหลักทรัพย์จำนวน 20 เรื่อง การใช้ข้อมูลภายใน 10 เรื่อง การทุจริตการกระทำผิดผู้บริหารของบจ.บริษัทที่ออกหลักทรัพย์และการกระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีหรือเอกสาร 9 เรื่อง การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต 8 เรื่อง ซึ่งก.ล.ต.ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 3 เรื่อง การแจ้งข้อมูลเท็จในแบบแสดงรายการ 1 เรื่อง การรายงานการถือครองหลักทรัพย์ 2 เรื่อง
สำหรับก.ล.ต.ได้ร่วมมือกับกรมคดีสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในการตรวจสอบคดีต่างๆ ซึ่งปี ที่ผ่านมาได้ส่งเรื่องให้ ดีเอสไอ สอบสวนต่อ จำนวน 5 เรื่อง และก.ล.ต.ได้มีการกล่าวโทษผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และพรบ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯต่อพนักงานสอบสวนรวม 7 คดี จำนวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 20 ราย
อย่างไรก็ตามก.ล.ต.ได้สรุปการดำเนินคดีอาญาปี 50 ซึ่งเป็นคดีที่ยกมาต้นปี จำนวน 7 เรื่อง จำนวน 34 คดี และมีคดีที่มีการดำเนินการในปี 50 ถึง 72 คดี มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 127.39 ล้านบาท มีคดียุ 72 คดี และมีคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการณสิ้นปี 50 จำนวน 9 เรื่อง จำนวน 40 คดี ส่วนคดีที่ก.ล.ต.กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในปีก่อนๆเมื่อถึงการพิจารณาในชั้นศาลแล้ว ศาลได้มีคำพิพากษาในปี 50 จำนวน 5 คดี ดังนั้น กรณีบริษัท เพาเวอร์พี จำกัด (มหาชน)และบง.ฟินันซ่า จากมีการกระทำฝ่าฝืนพรบ.หลักทรัพย์ฯมาตรา303 การสร้างราคาหุ้นธนาคารนครหลวงไทย การแพร่ข่าวหลักทรัพย์ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
จากการสรุปการดำเนินคดีตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯพ.ศ.2535 ซึ่งก.ล.ต.ได้มีการกล่าวโทษรวม 4 เรื่อง มีการเปรียบเทียบปรับรวม 123 เรื่อง มูลค่ารวม 127.39 ล้านบาท แบ่งเป็นสร้างราคาหลักทรัพย์17 เรื่อง มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 64.02 ล้านบาท ใช้ข้อมูลภายใน 3 เรื่อง มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 33.60 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกระทำผิดด้านอื่นๆ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 50 พบว่า ก.ล.ต.มีรายได้รวม 793.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น49.97% จากปี 49 ที่มีรายได้ 630 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมปีก่อนจำนวน 543.46 ล้านบาท ทำให้ปี 50 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 110% ขณะปี2549 มีค่าใช้จ่ายรวม511.59 ล้านบาท จึงทำให้ปี 49 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 118.81 ล้านบาท
จากรายงานประจำปี 50 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า ในปี 50 ก.ล.ต. ได้มีการติดตามหาสาเหตุความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์เบื้องต้นกว่า 400 หลักทรัพย์ ซึ่งหากมีข้อสงสัยก.ล.ต.จะประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์เพื่อหามาตการที่เหมาะสมหรือเริ่มดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป และในปีที่ผ่านมาก.ล.ต.ได้มีการดำเนินการเรื่องที่ตลท.ส่งมาให้จำนวน 13 เรื่อง
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้มีการดำเนินการตรวจสอบ 50 เรื่อง แบ่งเป็น สร้างราคาหลักทรัพย์จำนวน 20 เรื่อง การใช้ข้อมูลภายใน 10 เรื่อง การทุจริตการกระทำผิดผู้บริหารของบจ.บริษัทที่ออกหลักทรัพย์และการกระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีหรือเอกสาร 9 เรื่อง การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต 8 เรื่อง ซึ่งก.ล.ต.ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 3 เรื่อง การแจ้งข้อมูลเท็จในแบบแสดงรายการ 1 เรื่อง การรายงานการถือครองหลักทรัพย์ 2 เรื่อง
สำหรับก.ล.ต.ได้ร่วมมือกับกรมคดีสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในการตรวจสอบคดีต่างๆ ซึ่งปี ที่ผ่านมาได้ส่งเรื่องให้ ดีเอสไอ สอบสวนต่อ จำนวน 5 เรื่อง และก.ล.ต.ได้มีการกล่าวโทษผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และพรบ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯต่อพนักงานสอบสวนรวม 7 คดี จำนวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 20 ราย
อย่างไรก็ตามก.ล.ต.ได้สรุปการดำเนินคดีอาญาปี 50 ซึ่งเป็นคดีที่ยกมาต้นปี จำนวน 7 เรื่อง จำนวน 34 คดี และมีคดีที่มีการดำเนินการในปี 50 ถึง 72 คดี มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 127.39 ล้านบาท มีคดียุ 72 คดี และมีคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการณสิ้นปี 50 จำนวน 9 เรื่อง จำนวน 40 คดี ส่วนคดีที่ก.ล.ต.กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในปีก่อนๆเมื่อถึงการพิจารณาในชั้นศาลแล้ว ศาลได้มีคำพิพากษาในปี 50 จำนวน 5 คดี ดังนั้น กรณีบริษัท เพาเวอร์พี จำกัด (มหาชน)และบง.ฟินันซ่า จากมีการกระทำฝ่าฝืนพรบ.หลักทรัพย์ฯมาตรา303 การสร้างราคาหุ้นธนาคารนครหลวงไทย การแพร่ข่าวหลักทรัพย์ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
จากการสรุปการดำเนินคดีตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯพ.ศ.2535 ซึ่งก.ล.ต.ได้มีการกล่าวโทษรวม 4 เรื่อง มีการเปรียบเทียบปรับรวม 123 เรื่อง มูลค่ารวม 127.39 ล้านบาท แบ่งเป็นสร้างราคาหลักทรัพย์17 เรื่อง มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 64.02 ล้านบาท ใช้ข้อมูลภายใน 3 เรื่อง มูลค่าเปรียบเทียบปรับ 33.60 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกระทำผิดด้านอื่นๆ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 50 พบว่า ก.ล.ต.มีรายได้รวม 793.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น49.97% จากปี 49 ที่มีรายได้ 630 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมปีก่อนจำนวน 543.46 ล้านบาท ทำให้ปี 50 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 110% ขณะปี2549 มีค่าใช้จ่ายรวม511.59 ล้านบาท จึงทำให้ปี 49 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 118.81 ล้านบาท