“อมตะ” มั่นใจนักลงทุนต่างประเทศไม่เมินไทย เผยยอดขายที่ดินในนิคมฯ Q1/50 พุ่งขึ้นถึง 50% พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ทะลุ 1,700 ไร่ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% ระบุ ความเห็นต่างในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน แต่จะดูสิทธิประโยชน์มากกว่า
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังการลงนามสัญญาซื้อขายพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงงานระหว่างบริษัท มิตซูบิชิ เทอร์โบชาร์จเจอร์ เอเซีย จำกัด จำนวน 92 ไร่ มูลค่า 300 กว่าล้านบาท เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าในไตรมาส 1 นี้ บริษัทมียอดขายพื้นที่นิคมฯเพิ่มขึ้นถึง 40-50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขาย 150-160 ไร่ ผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย
สำหรับช่วงไตรมาส 2 ประเมินว่ายอดการขายพื้นที่จะเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะยังมีความไม่แน่นอนก็ตาม โดยมีลูกค้ารายใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินแล้ว 10 กว่าราย คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องจักรกล ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับราคาขายพื้นที่จากระดับ 3.1 ล้านบาทต่อไร่ เป็น 3.4-3.5 ล้านบาทต่อไร่
สำหรับปัจจัยทางการเมืองที่หลายฝ่าย ยังกังวลนั้น เชื่อว่า นักลงทุนมีความเข้าใจ และไม่ใช่อุปสรรคต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่เงื่อนไขสิทธิประโยชน์การลงทุนมีความพร้อมและเป็นแรงจูงใจต่อนักลงทุนได้ แต่ประเด็นที่นักลงทุนเป็นห่วงมากกว่าคือ อย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้นภายในประเทศ
“แนวโน้มการขายพื้นที่ในช่วงไตรมาส 2 นั้น เชื่อว่าจะขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีลูกค้ารายใหม่ที่ติดต่อเจรจาซื้อขายพื้นที่ ไว้แล้วกว่า 10 ราย คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องจักรกล สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังมั่นใจการลงทุนในไทยอยู่” นายวิบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงต้นปียอดขายพื้นที่ยังไม่มากเมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปี 1,700 ไร่ แต่ตามปกตินักลงทุนจะเข้ามามากในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ประกอบกับปีนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ประกาศให้ไทยเป็นปีแห่งการลงทุน จะทำให้มีนักลงทุนสนใจการลงทุนในไทยมากขึ้น จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้มีการปรับปรุงเพื่อส่งเสริมการลงทุนในปีนี้
นายวิบูลย์ กล่าวยอมรับว่า แม้ตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองจะยังมีความขัดแย้งอยู่บ้าง ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการยุบสภาฯ แต่กระบวนการที่ผ่านมาก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนักลงทุนไม่ได้มองประเด็นการเมืองเป็นตัวชี้วัดการตัดสินใจลำดับแรก แต่มองที่สิทธิประโยชน์การลงทุนที่จะได้รับมากกว่า