“สุวิทย์” มั่นใจภาคการลงทุนเริ่มฟื้นตัว หลังเมกะโปรเจกต์เดินเครื่องเต็มที่ พร้อมตั้งเป้าให้บีโอไอเพิ่มการลงทุนจนถึง 3 ล้านล้านบาทในปี 2554 โดยจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ทั้งหมดภายในปี 2552 มั่นใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติแล้ว
วันนี้(10 เม.ย.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ปีแห่งการลงทุน 2551-2552” โดยระบุว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพิ่มการลงทุนในช่วง 4 ปีข้างหน้าคือ ระหว่างปี 2551-2554 จาก 2.1 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9 แสนล้านบาท หลังจากที่บีโอไอมีการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น โดยกำหนดให้บีโอไอดำเนินมาตรการต่างๆ ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2552
ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นกับประเทศไทยมากขึ้น หลังจากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการขยายการลงทุนและลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่หากประเทศไทยยังดำเนินตามระบอบประชาธิปไตยก็ไม่มีปัญหา แต่นักลงทุนต่างชาติยังติดขัดอุปสรรคในหลายเรื่องจึงให้บีโอไอไปดำเนินการแก้ไข
นายสุวิทย์ กล่าวว่า มาตรการที่บีโอไอต้องเร่งปรับปรุงมีทั้งสิ้น 8 เรื่องคือ 1.ปรับปรุง พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน ให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ รวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น โดยจะดำเนินการให้เสร็จในปีนี้ โดยจะลดเวลาการพิจารณาโครงการเอสเอ็มอี จาก 60 วันให้เหลือ 20 วัน และเปิดกว้างให้มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนได้ทันที สำหรับโครงการที่เข้าตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบีโอไอ โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการ เพื่อลดปัญหารอยต่อในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ยกเว้นโครงการขนาดใหญ่ 2. เร่งจัดตั้งเซาเทิร์น ซีบอร์ด โดยต้องหาพื้นที่ในการก่อสร้างให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีขึ้นในอนาคต เช่น ปิโตรเคมี และเหล็ก
3. พัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น รถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ 4. สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและพลังงานทดแทน 5. เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ด้วยการเสนอมาตรการทางภาษีอากร เป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรไปสู่เทคโนโลยีที่ทันสมัย 6. ส่งเสริมการลงทุนของอุตสาหกรรมไทยในต่างประเทศ เช่น อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เหมืองแร่ 7. จัดโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ และ 8. จัดตั้งกองทุนพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน
"ผมยืนยันว่า ปี 2551 เป้าหมายการลงทุนอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท และจะเร่งให้บีโอไอปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยในหลายมาตรการจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 1-2 เดือน เพื่อเพิ่มเป้าหมายการลงทุนจาก 2.1 ล้านล้านบาท เป็น 2.5 ล้านล้านบาท เมื่อมาตรการต่าง ๆ พร้อม และเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท เมื่อมาตรการต่าง ๆ พร้อมสมบูรณ์ภายในเวลา 4 ปี" นายสุวิทย์ กล่าวสรุป ด้วยความมั่นใจ