ปตท.สผ. โชว์กำไรไตรมาส 1/51 โต 31.52% หรือ 2,134 ล้านบาท อยู่ที่ 8,905 ล้านบาท ตามรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 8,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,134 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.52% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,771 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.06 บาท เป็น 2.70 บาท โดยมีรายได้รวม 28,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,104 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 21,270 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม 12,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,699 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายรวม 8,901 ล้านบาท
โดยมีสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 48.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 35.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนในการขายเฉลี่ยของไตรมาสนี้ลดลงเป็น 32.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 36.15บาทต่อเหรียญสหรัฐตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
ประกอบกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น182,431 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 171,170 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณขายเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทของโครงการบงกชและโครงการโอมาน 44 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ปีนี้โครงการอาทิตย์ได้เริ่มส่งก๊าซธรรมชาติให้กับ ปตท. ที่อัตรา 80 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 8,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,134 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.52% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,771 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.06 บาท เป็น 2.70 บาท โดยมีรายได้รวม 28,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,104 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 21,270 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม 12,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,699 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายรวม 8,901 ล้านบาท
โดยมีสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 48.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 35.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนในการขายเฉลี่ยของไตรมาสนี้ลดลงเป็น 32.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 36.15บาทต่อเหรียญสหรัฐตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
ประกอบกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น182,431 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 171,170 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณขายเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทของโครงการบงกชและโครงการโอมาน 44 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ปีนี้โครงการอาทิตย์ได้เริ่มส่งก๊าซธรรมชาติให้กับ ปตท. ที่อัตรา 80 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน