“วี วอนต์ ทู ฟายด์ ...ปิ...โตร...เลี่ยม...ปิ...โตร...เลียม”
เสียง “บูมค่าย” ของเยาวชน 60 ชีวิตในค่าย “นักสำรวจปิโตรเลียม” ยังไม่ลดความดังและความเข้มแข็งลง แม้จะเป็นวันที่สองแล้วสำหรับการทำกิจกรรมอย่างเข้มข้นในโครงการ “ปตท.สผ.สร้างคนค้นหาปิโตรเลียม” จุดประสงค์เพื่อสร้าง “นักสำรวจรุ่นใหม่” เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการสำรวจหาพลังงานใต้พื้นพิภพที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลนอยู่ในขณะนี้
อลงกรณ์ มีสุทธา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล บริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) บอกเล่าความเป็นมาของโครงการค่ายดังกล่าว ว่า ทางบริษัทได้จัดทำค่ายเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในปีที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งกิจกรรมและจุดประสงค์ก็เช่นเดียวกับปีที่แล้ว คือนำเด็กที่มีความสนใจด้านอุตสาหกรรมการสำรวจน้ำมันที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมปีที่ 5-6 สายวิทย์-คณิต ที่มีผลการเรียนดีมาเข้าค่ายทำกิจกรรมเสริมความรู้ด้านการสำรวจปิโตรเลียม โดยจะแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 60 คน รวมเป็น 120 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาการทำกิจกรรม 3 คืน 4 วันนี้ จะมีเจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคล จับตามองเยาวชนที่ทำกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา เพื่อเฟ้นหาผู้ที่มีแวว มีภาวะผู้นำ และมีความสนใจในการสำรวจปิโตรเลียม เพื่อมอบทุนการศึกษา จำนวน 25 ทุน
“หากผู้ที่ได้รับทุนกำลังศึกษาอยู่ในระดับ ม.5 ทางบริษัทก็จะให้ทุนการศึกษาจนจบ ม.6 จากนั้นจะพิจารณาอีกครั้งว่าเจ้าตัวสนใจศึกษาในคณะและมหาวิทยาลัยที่ทางบริษัทกำหนดหรือไม่ หากยังคงยืนยันจะศึกษาต่อ ทางบริษัทก็จะมอบทุนการศึกษาให้เป็นรายปี ปีละ 100,000 บาท เป็นค่าเทอม ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเรียนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษ และค่าเรียนพิเศษวิชาคอมพิวเตอร์ที่ผู้รับทุนต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วย”
ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล ปตท.สผ.กล่าวถึงสิทธิของเด็กที่ได้รับทุนต่อไปอีกว่า จะมีโอกาสได้มาฝึกงานจริงกับ ปตท.สผ.เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์และสร้างสัมพันธ์อันดีกับรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่แล้ว เพื่อในอนาคตเมื่อน้องจบมาก็จะได้มาทำงานร่วมกันง่ายขึ้นด้วย
อลงกรณ์ได้ฝากถึงเยาวชนที่มีผลการเรียนดี และมีความสนใจอยากทำงานด้านการสำรวจว่า อาชีพในสายงานการค้นหาปิโตรเลียมยังคงขาดแคลน และน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีด้านอาชีพ “และหากน้องมีโอกาสมาทำงานกับเรา เรามีทุนสนับสนุนพนักงานของเราไปศึกษาต่อยอดความรู้ในระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกด้วย” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล ปตท.สผ.กล่าว
ด้าน “เก่ง” – ภาสกร สุวรรณรุจิ หนุ่มนักธรณีฟิสิกส์ โครงการบงกช ปตท.สผ.ให้ภาพตลาดงานด้านการสำรวจน้ำมัน ว่า อาชีพด้านการสำรวจน้ำมันนี้ แบ่งใหญ่ๆ ออกเป็น 3 ประเภท คือ นักธรณีวิทยา ทำหน้าที่สำรวจพื้นที่, นักธรณีฟิสิกส์ ทำหน้าที่วิเคราะห์แนวโน้มการมีน้ำมันในพื้นที่นั้นๆ และวิศวกรปิโตรเลียม เป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการสำรวจหาและวางแผนรูปแบบหรือวิธีการที่จะผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปิโตรเลียมที่สำรวจพบ ซึ่งขณะนี้ สถานการณ์ตลาดทรัพยากรบุคคล ในสายอาชีพทั้ง 3 ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นในระดับโลก ที่ยังคงขาดแคลนอยู่
“เรายังขาดคนในทุกสายงาน ปีหนึ่งๆ ผลิตได้น้อย เป็นอาชีพที่คนไม่ค่อยรู้จัก ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเด็กเก่งๆ จะมุ่งไปด้านแพทย์หรือวิศวะ’ แต่จริงๆ อยากจะบอกว่ามีอาชีพอยู่อีกด้านหนึ่ง ที่จบมาแล้วมีเปอร์เซ็นต์ได้งานสูง เงินเดือนสตาร์ทสูง โอกาสก้าวหน้าสูง คือสายงานด้านการสำรวจปิโตรเลียมครับ ฝากน้องที่เก่งๆ ลองพิจารณาดู เราจะได้มาช่วยกันหาพลังงานให้แก่ประเทศของเรา” นักธรณีฟิสิกส์หนุ่มเอ่ยชวน
สำหรับเยาวชนคนเก่งที่ได้รับคัดเลือกมาร่วมกิจกรรมในค่ายนี้อย่าง “น้องชิต” - ธนภัทร รัตติโชติ หนุ่มน้อยแดนสะตอ จากรั้วโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช วัย 18 ปี เปิดเผยว่าขณะนี้เขาได้รับโควตาเรียนดีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เข้าศึกษในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยาและอัญมณี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะที่มีสิทธิ์รับทุนจากปตท.สผ.ด้วย ซึ่งน้องชิตกล่าวว่า แอบมีความหวังว่าจะได้เป็น 1 ใน 25 ทุน โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุดตลอดระยะเวลาที่ได้ร่วมกิจกรรมในค่ายนี้
“กิจกรรมที่ทำก็มีการฟังคำแนะแนวจากพี่ๆ ปตท.สผ.ที่อธิบายถึงข้อมูลของปิโตรเลียม ตลอดจนความสำคัญและความจำเป็นของปิโตรเลียมต่อชีวิตมนุษย์ จริงๆ ก่อนหน้านี้ ผมเองก็ไม่เคยรู้ว่า หากจะเข้าไปทำงานในองค์กรการสำรวจและค้นหาน้ำมัน เราจะต้องเรียนอะไรบ้าง โชคดีที่พี่ๆ ไปแนะแนวที่โรงเรียน ผมก็รู้ว่า ถ้าเราอยากเป็นเราต้องเรียนด้านไหน”
น้องชิต เปิดเผยต่อไปอีกว่า มีความสนใจด้านการค้นหาแหล่งพลังงานมานานแล้ว เพราะมีโอกาสไปเที่ยวทะเลในจังหวัดใกล้เคียงก็ได้เห็นแท่นขุดเจาะน้ำมัน เรือน้ำมัน ทำให้รู้สึกว่าการทำงานด้านน้ำมันเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัว
ด้าน “น้องท็อป” พงศกร ติกอภิชาติ หนุ่มน้อยเวียง “เจียงใหม่” จากโรงเรียนปรินซ์ รอยัล ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นวิศวกรปิโตรเคมี ระบุว่า เป็นคนที่ชอบคำนวณ และรักวิชาคณิตศาสตร์มากที่สุด และพร้อมๆ กันนี้ก็ชอบความท้าทายตื่นเต้นด้วย เพราะมีคุณพ่อทำงานด้านการชลประทาน มีโอกาสตามไปออกพื้นที่ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้การลงพื้นที่ทำงานเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา
“เป็นโอกาสที่ดีครับ และก็คิดว่าการที่พี่ๆ จากบริษัทที่ทำงานด้านน้ำมันแบบนี้มาจัดกิจกรรมเป็นเรื่องที่ดี เพราะพี่ๆ มีการแนะแนวทั้งด้านการเรียนและสอนพื้นฐานการทำงานโดยประสบการณ์ตรง ส่วนตัวผมคิดว่าชอบงานที่ท้าทายเพราะรู้สึกสนุก รู้สึกว่าการทำงานที่เสี่ยงเป็นการพิสูจน์ฝีมือและความสามารถ ส่วนกิจกรรมที่ทำในค่ายนี้ ถือเป็นโอกาสดีของผม และเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากครับ” น้องท็อป ทิ้งท้าย